บ้านรุกล้ำริมคลองทำโครงการสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว-คลองเปรมฯ ชะงัก ขุดลอกไม่ได้ อาจเอ่อท่วมฝนนี้
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงปัญหาบ้านเรือนรุกล้ำริมคลองในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ปัญหาบ้านเรือนรุกล้ำริมคลองมีมานาน โดยเฉพาะคลองเปรมประชากร เป็นคลองระบายน้ำหลักของกรุงเทพมหานคร หากไม่ได้รับการขุดลอกอาจตื้นเขินเกินกว่าจะรับน้ำฝนได้เท่าที่ควร ทำให้ท่วมเอ่อล้นกระทบบ้านเรือนในวงกว้าง แต่ กทม.ทำได้เพียงขอความร่วมมือ เนื่องจากเข้าใจชาวบ้านที่อยู่มานาน เป็นเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ทั้งการสร้างเขื่อน และการขุดลอกคลอง
อย่างไรก็ดี กรุงเทพมหานครได้ประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการพัฒนาคลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้เน้นย้ำให้สำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขตพื้นที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เจรจาสร้างความเข้าใจกับชุมชนที่รุกล้ำแนวก่อสร้างเขื่อน ให้เห็นถึงความสำคัญของส่วนรวมและประโยชน์ที่ได้รับจากการก่อสร้างเขื่อน เพื่อดำเนินการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำให้งานสร้างเขื่อนเป็นไปตามเป้าหมาย
ด้าน นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร กล่าวถึงการเตรียมการรับมือช่วงฤดูฝนว่า ก่อนที่ฤดูฝนจะมาถึงอีกครั้งยังมีความหนักใจเรื่องบ้านเรือนริมคลองลาดพร้าวที่รุกล้ำพื้นที่ริมคลอง ทำให้ไม่สามารถลอกคลองให้ลึกขึ้นได้ ทั้งยังต้องหยุดโครงการสร้างเขื่อนเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม โดยพื้นที่ริมคลองลาดพร้าวตลอดจนคลองเปรมประชากรในเขตอื่นๆ ด้วย รวมแล้วมีบ้านที่รุกล้ำริมคลองกว่า 10,000 หลัง การจัดการเรื่องนี้เป็นปัญหาที่มีมานานยากต่อการแก้ไข เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ต้องการย้ายออก แม้ กทม.จะมีอำนาจดำเนินการทางกฎหมายแต่ก็ต้องเข้าใจผู้พักอาศัยขณะเดียวกัน แผนป้องกันน้ำท่วมก็ดำเนินการไม่ได้ตามเป้า ไม่สามารถขุดลอกคลองได้เพราะกลัวบ้านริมคลองทรุด อาจทำให้คลองเดิมที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อปริมาณน้ำฝนที่จะตกลง ส่งผลให้น้ำล้นคลองและท่วมเป็นวงกว้าง และกระทบต่อประชาชนคนอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องด้วย
ในส่วนของเขตดอนเมือง นายสาโรจน์ พลฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตดอนเมือง เปิดเผยว่า ในพื้นที่เขตดอนเมืองมีบ้านเรือนที่รุกล้ำคลองเปรมประชากรกว่า 2,000 หลังทั้งบนผิวน้ำและบนบก ปัจจุบันมีบ้านเรือนที่ยอมย้ายออกแล้วครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีอยู่ โดยรัฐจะสนับสนุนเงินเช่าบ้านให้ 8-9 เดือน ระหว่างก่อสร้างบ้านมั่นคงหรือจนกว่าจะก่อสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตาม การย้ายออกต้องย้ายออกทั้งหมดถึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ จึงต้องเจรจาหารือกับชาวบ้านที่ไม่ยอมย้ายออกต่อไป เบื้องต้นชาวบ้านที่ไม่ยอมย้ายออกยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐสนับสนุนเงินในการย้ายออกจำนวน 400,000-500,000 บาท/หลังคาเรือนจึงจะยอมย้ายออก ซึ่งรัฐไม่มีงบประมาณสนับสนุนส่วนที่ชาวบ้านร้องขอ เพราะจำนวนเงินค่อนข้างสูง โครงการเกี่ยวกับระบบระบายน้ำจึงต้องหยุดชะงักอย่างไม่มีกำหนด ทั้งการขุดลอกคลอง และการสร้างเขื่อน
ทั้งนี้ เงื่อนไขหนึ่งที่ผู้รุกล้ำริมคลองซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะต้องปฏิบัติ คือ ต้องออมเงินกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. เพื่อสร้างหลักประกันในการกู้เงินสร้างบ้านโครงการบ้านมั่นคง แต่เนื่องจากผู้รุกล้ำริมคลองส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย จึงไม่เข้าร่วมขั้นตอนการออมเงินกับภาครัฐและจะไม่ย้ายออก แม้จะมีคำตัดสินของศาลออกมาแล้วว่าผู้รุกล้ำบุกรุกพื้นที่สาธารณะจริง รัฐสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่การปฏิตามกฎหมายหรือการรื้อถอนโดยภาครัฐ ก็เกรงจะเกิดกระแสสังคมต่อต้าน อาจขาดความเข้าใจที่มาที่ไป กทม.จึงต้องเน้นดำเนินการด้วยการเจรจาและขอความร่วมมือเป็นหลัก เพราะทุกฝ่ายเข้าใจผู้ที่รุกล้ำริมคลอง ไม่ต้องการให้ใครตกอยู่ในสภาพไร้บ้าน แต่ก็ต้องนึกถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี