ตำรวจ ปส. เปิดปฏิบัติการ "อินทรชิตแผลงศร" ลุยค้น 20 ทั่วประเทศ ล้างบางจับ 3 เครือข่ายยานรก ยึดทรัพย์รวมกว่า 100 ล้านบาท
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.30 น. ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภาค 1 ร่วมกันแถลงผลการเปิดปฏิบัติการ"อินทรชิตแผลงศร" กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 20 จุด ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ 3 เครือข่าย โดยสามารถจับผู้ต้องหารายสำคัญได้รวมจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย พร้อมยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดรวมกว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.อ.ชินภัทร กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้สั่งการให้สืบสวนหาข่าวเครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกระดับ เพื่อตัดวงจรการลักลอบลําเลียงยาเสพติด รวมไปถึง จับกุม และขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และการสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้ เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน รวมทั้งป้องกันการลักลอบส่งออกไปยังประเทศที่สาม โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายผลกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่จำนวน 3 เครือข่าย ที่เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2565 โดยเครือข่ายแรก คือ เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ ที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้จับกุมกลุ่มผู้ลําเลียงยาเสพติด 3 ราย ของ กลางยาบ้า 7,000,000 เม็ด ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียงหลายจุด พร้อมยึดทรัพย์ 11 ล้านบาท ก่อนขยายผลจับกุมกลุ่มผู้สั่งการในพื้นที่ภาคเหนือ 3 ราย ยึดทรัพย์สินอีก 35 ล้านบาท จากนั้นจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายอีก 4 คน คือ กลุ่มผู้สั่งการในพื้นที่ภาคเหนือ 2 ราย และ กลุ่มรับยาเสพติด ซึ่งเป็นผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง 2 ราย
พล.ต.อ.ชินภัทร กล่าวต่อว่า เครือข่ายที่สอง คือ เครือข่ายรถบรรทุกโลจิสติกส์ ที่ก่อนหน้าได้จับกุมพนักงานของบริษัทรับขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 1 คน พร้อมยาบ้า 2,000,000 เม็ด ที่ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ จ.ลําปาง ขณะกำลังนํายาเสพติดซุกซ่อนปะปนไปกับพัสดุอื่นๆ เพื่อลําเลียงไปส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนใน ก่อนขยายผลจับกุม ผู้รับยาเสพติดปลายทางได้ทันที 1 ราย จากนั้นจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายอีก 3 ราย คือ ผู้สั่งการ 1 ราย และผู้ที่นํายาเสพติดมาส่งให้ผู้ต้องหาในพื้นที่ จ.เชียงราย 2 ราย ส่วนเครือข่ายที่สาม คือ เครือข่ายหนองตาโล่ หลังก่อนหน้าได้จับกุมกลุ่มลําเลียงยาเสพติด 3 ราย พร้อมไอซ์ 279 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.พัทลุง ก่อนจะขยายผลออกหมายจับเครือข่ายเพิ่ม 2 ราย คือ ผู้สั่งการ และผู้ทํา หน้าที่ส่งมอบยาเสพติดให้กับกลุ่มผู้ต้องหา
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า หลังทางบก.ปส.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 เครือข่ายข้างต้น จํานวน 9 หมายจับ ได้แล้ว จึงมีการระดมกำลังเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 20 จุด ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, ตาก, สระบุรี และ พระนครศรีอยุธยา เพื่อตามจับกุมบุคคลตามหมายจับดังกล่าว พร้อมกับติดตามยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด เบื้องต้น สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ 4 ราย และตรวจยึดอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเพื่อนํามาตรวจสอบหลายรายการ อาทิ เงินสด, รถยนต์, รถตู้, รถแทรกเตอร์, รถประจําทาง, รถจักรยานยนต์, ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และโฉนดที่ดิน รวม 60 รายการ มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 100 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวแล้วนั้น ทาง พล.ต.อ.ชินภัทร ยังได้ร่วมทำการสอบปากคำนายชัยวัฒน์ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 623/2565 ลงวันที่ 30 ก.ย.2565 ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายยาเสพติดหนองตาโล่ ที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาด้วยตนเอง ซึ่งจากการสักถาม เบื้องต้นนายชัยวัฒน์ ยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดดังกล่าว ส่วนกรณีที่พบเงินสดจำนวนมากภายในบ้านนั้น อ้างว่าเป็นเงินที่เก็บไว้เตรียมใช้จัดงานบวชให้ลูกชาย แต่ทางเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี