เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 12 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ นายเอกรัฐ ปรีจินดา อายุ 39 ปี หอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอคำปรึกษากรณีน้องชาย นายวิทยา ปรีจินดา อายุ 33 ปี ถูกนายธนเดช (นามสมมุติ) หมอเสริมความงาม ขับรถชนเสียชีวิตไม่ได้รับการเยียวยา แถมบอกถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องศาลเอาเอง
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 นายธนเดช ขับรถยนต์โตโยต้า รุ่น อัลติส สีขาว ป้ายทะเบียนพัทลุง พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ป้ายทะเบียนตรัง ทำให้นายวิทยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาหลังถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลตรัง
หลังเกิดเหตุทางนายธนเดช ยอมรับว่าขับรถประมาท จึงมีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายเนื่องจากนายวิทยา เป็นเสาหลักของครอบครัว โดยทางครอบครัวของนายวิทยา ได้เรียกค่าเลี้ยงดูอุปการะบุตร จำนวน 2 คน อายุ 6 ปี และอายุ 5 ปี ค่าผ่อนบ้านรวมทั้งค่าใช้จ่ายในครอบครัว จำนวน 6 ล้านบาท ซึ่งผลการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ โดยทางนายธนเดช ปฏิเสธว่าถ้าอยากได้เงินตามจำนวนที่เรียกก็ให้ไปฟ้องศาลเอาเอง
นายเอกรัฐ กล่าวว่า วันเกิดเหตุลูกของน้องชายป่วย เขาเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปซื้อยา ขณะกำลังขับรถกลับบ้านได้ถูกรถของคู่กรณีพุ่งชน จนร่างกระเด็นไปอยู่บนฟุตบาทได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองนำตัวส่งไปรักษาที่รพ.ตรัง ก่อนเสียชีวิต ต่อมาทางตำรวจได้นำตัวคู่กรณีไปสอบปากคำโดยทางคู่กรณีอ้างว่าเขามองไม่เห็นเนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง แต่เมื่อตนลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมหากล้องวงจรปิดมี่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ พบว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีไฟฟ้าส่องสว่างเห็นได้อย่างชัดเจน ตนได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุคู่กรณีบอกว่าเขาก้มไปหยิบโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมาก็พุ่งชนน้องตน จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นชัดเจนว่าน้องของตนไม่ได้ขับรถตัดหน้าหรือเปลี่ยนเลยกระทันหันเลย หลังเกิดเหตุคนที่ขับรถชนไม่เคยเข้ามาพูดคุยและร่วมงานศพน้องตนเลย มีแต่แม่เขาที่เข้ามาร่วมงาน โดยมีการมอบเงินช่วยเหลือครั้งแรกจำนวน 5,000 บาท แล้วต่อมาก็นำมาให้อีก 50,000 บาทในเรื่องจัดการงานศพ
หลังเสร็จงานศพของน้องได้มีการเจรจาพูดคุยกันถึงสองครั้งแต่ทางคู่กรณีไม่มีการพูดเรื่องชดใช้เยียวยาค่าเสียหายเลย ซึ่งครั้งแรกเขาบอกว่าให้ทางตนเสนอตัวเลขมาเลย ตนได้บอกไปว่าน้องชายเป็นผู้รับเหมางานไฟฟ้าซึ่งมีรายได้พอสมควร แล้วต้องเลี้ยงดูลูกอีกสองคน และเลี้ยงดูครอบครัว ตนจึงบอกไปว่าขอ 6 ล้านบาท พอครั้งที่สองเขาตอบคำเดียวว่าเขาไม่มีเงินจ่ายถ้าอยากได้ก็ให้ไปฟ้องเอา หลังจากนั้นทางญาติตนได้ติดต่อเขาไปอีกครั้งซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่คุยแล้ว ตนก็เลยไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เพราะตนรู้ว่าพ่อเขามีตำแหน่งใหญ่โตในจังหวัดตรัง แล้วน้องเขาก็เป็นตำรวจด้วย ซึ่งตนกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะตอนนี้ผ่านมา3 เดือนแล้วคดีไม่มีความคืบหน้าเลย ทั้งที่เขาสารภาพแล้วว่าเขาขับรถประมาท ตนได้สอบถามไปทางตำรวจเจ้าของคดีเขาแจ้งว่าทางคู่กรณียังไม่มาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา และยังไม่ยอมมาพิมพ์ลายนิ้วมือ ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงเดินทางมาปรึกษากับทนายว่าจะดำเนินการขั้นตอนต่อไปอย่างไร
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ตรัง ผู้เสียหายจะไปยื่นเรื่องที่กองบังการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง หรือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ แต่ถ้าจะให้เร็วก็ให้ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยากจะวิงวอนไปถึงทางคู่กรณีด้วยว่าคุณมีอาชีพการงานดีอยู่ เบื้องต้นจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง เข้าใจนะว่าเขาเรียกไป 6 ล้านแล้วไม่มีเงินจ่ายเป็นเงินก้อน ซึ่งแปลว่าเราจะไม่รับผิดชอบอะไรนะ แต่เหตุการนี้มีคนตายนะอยากจะให้คิดดีๆ.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี