ว่อนเน็ต!!! หนังสือบันทึกข้อความรองอธิบดีศาลอาญา ชี้แจงต่ออธ.ศาลอาญากรณีเพิกถอนหมายจับสว.คนดัง  ระบุ ตร.ที่มาขอหมายจับทำข้ามขั้นตอนไม่ขออนุมัติจากผบช.ระดับสูงทราบ ควรที่จะออกหมายเรียกก่อน และแจ้งปธ.สภาฯทราบ ขณะที่ตร.ที่มาขอหมายจับ แย้งสืบสวนสอบสวนมากับมือมั่นใจหลักฐานจะขอจับเอ  แต่ สว.เส้นใหญ่มาก หากออกหมายเรียกจะรู้ตัว

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ หนังสือบันทึกข้อความลงวันที่ 28 ก.พ. ที่ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้ทำหนังสือชี้แจงกรณีเพิกถอนหมายจับ สว.คนหนึ่งที่ถูกอภิปรายว่า มีส่วน้หี่ยวพันการค้ายาเสพติด ฟอกเงินฯ

โดยเนื้อหาสรุปได้ว่า เดิมเมื่อวันที่ 9 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มาดำเนินการขอหมายจับบุคคล 9 คน ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิด ร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามที่ได้สมคบกันนั้น ฐานสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือ ขณะกระทำความผิด ฐานจัดหาวัตถุใดๆ เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อไม่ให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ และฐานรับทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นๆ จากผู้กระทำความผิด เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำความผิด หรือ ไม่ให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 และประมวลกฎหมาย ยาเสพติด จากนั้นมีการจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คนคือนายทุน มินหลัด กับพวก จากนั้นวันที่ 3 ต.ค.65 มีการยื่นคำขอออกหมายจับ สว.คนหนึ่ง ในข้อหาเดียวกันทั้งเพิ่มเติมให้ดำเนินคดี ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยตกลงตั้งแต่ สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ ได้มีการ สมคบกัน และสนับสนุนการฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ด้วย โดยเจ้าหน้าที่ศาล ได้มีการรายงานตามขั้นตอนแล้วว่า ว่าบุคคลดังกล่าว เป็นวุฒิสมาชิก เพื่อรายงานต่อ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทราบตามลำดับ

แต่การออกหมายจับดังกล่าวเป็นการมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา ฉบับที่ 5 พ.ศ.2565 ข้อบังคับ ของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา พ.ศ.2548 คำแนะนำอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน พ.ศ.2565 ระเบียบศาลอาญา ว่าด้วยแนวทางการบริหารจัดการคดีของศาลอาญา ลงวันที่ 1 เม.ย. 2565 และคำสั่งศาลอาญาที่ 110/2565 เรื่อง มอบหมายหน้าที่รองอธิบดีผู้พิพากษา ศาลอาญา และผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีพิเศษในศาลอาญา

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาและข้าพเจ้า(รองอธิบดีฯศาลอาญา) จึงมอบหมายให้เลขานุการศาลอาญาแจ้ง เจ้าหน้าที่งานหมายค้นหมายจับ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ร้องขอออกหมายจับดังกล่าว นำหมายจับดังกล่าวกลับมาที่ศาลอาญาก่อนเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง

ในชั้นแรก ผู้ขอให้ออกหมายจับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าออกหมายจับให้แล้วจะเรียกกลับไปทำไม ตนได้ส่งหมายจับดังกล่าวเข้าระบบหมายจับของตำรวจทั่วประเทศแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็ยืนยันให้นำ หมายจับกลับมาพิจารณากันใหม่ก่อน เมื่อผู้ขอให้ออกหมายจับดังกล่าวมาที่ศาลอาญาพร้อมกับ ผู้กำกับการฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ก็ได้ร่วมการประชุมปรึกษาร่วมกันกับอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ข้าพเจ้า ผู้พิพากษาที่ออกหมายจับดังกล่าว และเลขานุการศาลอาญาทำหน้าที่หาเอกสาร ต่างๆ สอบถามแล้วได้ความว่า ผู้ร้องขอให้ออกหมายจับอ้างว่าได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่หมายจับหมายค้นของศาลแล้วว่า มาขอออกหมายจับวุฒิสมาชิก แต่ผู้พิพากษาที่ออกหมายจับไม่ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งวันดังกล่าวมีการขอออกหมายจับ หมายค้นเป็นจำนวนมาก ผู้พิพากษาจึงได้พิจารณาออกหมายจับหมายค้นไปตามที่เคยปฏิบัติมา โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่า เป็นวุฒิสมาชิก เนื่องจากในคำร้องดังกล่าวระบุว่า เป็นวุฒิสมาชิกเพียงครั้งเดียวในหน้าที่ 2 ของคำร้องฯ จึงออกหมายจับให้ไปโดยมิได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าปรึกษากับผู้บริหารศาลอาญาตามระเบียบและ ข้อแนะนำดังกล่าวข้างต้นก่อน และได้โทรศัพท์ปรึกษา นายตำรวจระดับสูงถึงระเบียบหรือ ข้อบังคับใดๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการขอหมายจับบุคคลสำคัญ ได้คำตอบว่า น่าจะมีระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ต้องขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงด้วย โดยจะทำการตรวจสอบอีกครั้ง และต่อมาแจ้งว่าเรื่องการที่จะออก หมายเรียกหรือหมายจับสมาชิกรัฐสภาต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายก่อนเท่านั้น และหากเป็นช่วงที่อยู่ในสมัยประชุม ของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภา แม้แต่การออกหมายเรียก สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องออกหนังสือขออนุญาตต่อประธานสภาฯที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกก่อนด้วย ซึ่งในภายหลังได้ส่งตัวอย่างของการดำเนินคดีทำนองเดียวกันนี้มาให้ด้วย

รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลได้สอบถามผู้พิพากษาที่ออกหมายจับเรื่องดังกล่าวว่า หากท่านพบ โดยชัดแจ้งว่า ผู้ที่ถูกร้องขอให้ออกหมายจับเป็นบุคคลสำคัญเช่นวุฒิสมาชิกเช่นนี้ ท่านจะปฏิบัติ อย่างไร ท่านผู้พิพากษาผู้ออกหมายจับแจ้งว่าหากตนพบเช่นนั้นก็จะต้องนำเรื่องมาปรึกษารองอธิบดี และอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาก่อนอย่างแน่นอน

อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าได้สอบถามผู้ร้องขอให้ออกหมายจับว่า คดีดังกล่าวเนื่องจาก มีการจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับ วุฒิสมาชิกคนดังกล่าวมาก่อนแล้ว คดีนี้จึงมีพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบสำนวน เหตุใดจึงไม่ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนที่มีอำนาจเป็นผู้มา ทำการขอหมายด้วยตนเอง และเหตุใดจึงไม่มีการขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาตามกฎหมายก่อน ผู้ร้องขอให้ออกหมายจับแจ้งว่า วุฒิสมาชิกคนนี้เส้นใหญ่มาก ไม่มีทางที่พนักงานสอบสวน จะดำเนินการหรือดำเนินคดีใดๆได้  อย่างแน่นอน ตนสืบสวนมาตั้งแต่ต้นจึงต้องดำเนินการจับกุมเอง

ทั้งในการประชุมนั้นข้าพเจ้าเห็นว่า หากให้มีการนำหมายจับที่ออกโดยไม่ชอบ ดังกล่าว ไปดำเนินการจับกุมวุฒิสมาชิกและต้องปฏิบัติให้ถูกต้องทั้งตามระเบียบ ของวุฒิสภา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และของศาลยุติธรรมแล้ว ย่อมจะต้องมีผลเสียหายกลับมาสู่ ศาลยุติธรรมอย่างแน่นอน วุฒิสภาต้องทำการตรวจสอบเรื่องนี้ และก็จะพบว่าความบกพร่อง ส่วนหนึ่งก็มาจากศาลยุติธรรม ซึ่งไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้ ประกอบกับแม้จะมีการออกหมายจับ ไปแล้วแต่ก็ยังมิได้มีการนำหมายจับดังกล่าวไปแสดงเพื่อจับกุมวุฒิสมาชิกแต่อย่างใด จึงสมควรที่ทำ การแก้ไขเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง โดยการเพิกถอนหมายจับดังกล่าว

โดยในที่ประชุมจึงมีความเห็นร่วมกันว่า คำร้องขอออกหมายจับของผู้ร้องดังกล่าวน่าจะยัง ไม่ชอบ เนื่องจากผู้บังคับบัญชายังไม่มีคำสั่งมอบหมายให้ดำเนินการ และไม่ได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ทำการเพิกถอนหมายจับดังกล่าว เพื่อให้ออกหมายเรียกก่อนภายใน 15 วัน หากทางบุคคลสำคัญ ดังกล่าวไม่มาตามหมายเรียก ก็ให้ผู้ร้องดำเนินการขอหมายจับต่อไป สำหรับหมายเรียกให้พนักงาน สอบสวนเป็นผู้ดำเนินการโดยด่วน

ขอยืนยันว่า ข้าพเจ้า ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่มีผู้ใดรู้จัก หรือทำการเพื่อช่วยเหลือนายอุปกิตซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกคนดังกล่าวแต่อย่างใด การประชุมปรึกษาหารือ และมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับ และคำแนะนำตามกฎหมายทั้งสิ้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ปธ.ศาลฏีกา'สั่งตรวจสอบภายใน 30 วัน หลัง'รอง อธ.ศาลอาญา'ชี้แจงปมถอนหมายจับ)