สองตายายชาวกาญจนบุรีอาชีพขายข้าวต้มมัด กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทแสนลำบากถูกโจรกระจอกบุกฉกเงินถึงหน้าบ้านพร้อมพระอีก 3 องค์รวมทรัพย์สินที่คนร้ายเอาไปประมาณ 2,000 บาท ตำรวจ สภ.เมืองกาญจน์เตรียมไล่ล่าหลังกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ตาเผยรู้สึกเจ็บใจที่วัยรุ่นสมัยนี้ไม่คิดจะทำมาหากินทั้งๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่น
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (25 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30 ปีเศษวิ่งเข้าไปฉกเงินของนายประสงค์ อัจฉริยบัวทอง อายุ 82 ปี และนางเซโม่ย อัจฉริยบัวทอง อายุ 80 ปี สองสามีภรรยาที่ได้จากการขายข้าวต้มมัดแล้ววิ่งไปขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดเอาไว้ริมถนนเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นหมู่ 10 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านสามารถจับภาพเอาไว้ได้และเห็นถึงพฤติกรรมของคนร้ายอย่างชัดเจน
ต่อมาเวลา 13.21 น. คุณตาวัย 82 ปี พร้อมลูกสาวได้เข้าพบ ร.ต.ท.สุทธิกรรณ์ เอี่ยมสำอางค์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษพร้อมกับมอบคลิปจากกล้องวงจรปิดให้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี
หลังจากที่ ร.ต.ท.สุทธิกรรณ์ เอี่ยมสำอางค์ รับแจ้งความแล้วเสร็จจึงเดินทางลงพื้นที่เพื่อถ่ายภาพจุดเกิดเหตุเอาไว้เป็นหลักฐานอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่ง ร.ต.ท.สุทธิกรรณ์ เอี่ยมสำอาง ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ในการหลบหนีในทันที
คุณตาประสงค์ เล่าว่า ตากับยายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวแค่ 2 คน ส่วนลูกชายมีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยตากับยายอายุมากแล้วไม่รู้จะทำอะไร จึงเปิดหน้าบ้านขายข้าวต้มมัดเพื่อหารายได้แก้เหงา ซึ่งก็ทำมานานหลายปีแล้ว โดยก่อนเกิดเหตุตากับยายเปิดร้านขายข้าวต้มมัดตามปกติ แต่ช่วงนั้นลูกค้าไม่มี จึงไปนั่งกับยายที่โต๊ะนั่งเล่น
อยู่ๆ ก็มีชายวัยรุ่นรูปร่างท้วมผิวดำแดง อายุประมาณ 30 ปีเศษ วิ่งเข้ามาแล้วหยิบเอากล่องพลาสติกซุปเปอร์แวร์สีขาวที่ตาเอาเงินที่ได้จากการขายข้าวต้มมัดเก็บไว้และวางอยู่ตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ หลังจากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนหน้าบ้านเพื่อนบ้านแล้วขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับเงินที่คนร้ายได้ไปมีประมาณ 1,000 บาท และพระอีก 3 องค์ ราคาประมาณ 1,000 บาท รวมทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประมาณ 2,000 บาท ถามว่าเสียดายหรือไม่ตอบได้เลยว่าเสียดาย เพราะสมัยนี้กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทนั้นมันลำบากมาก แต่ลึกๆ แล้วตารู้สึกเจ็บใจมากกว่าที่วัยรุ่นสมัยนี้ไม่คิดจะทำมาหากินทั้งๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่น หลังจากนี้ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นมันอาจจะไปก่อเหตุกับคนอื่นอีกก็เป็นได้ -003