อดีตพนักงานท่าเรือ 37 คน เข้ารายงานตัว คดีทุจริตเบิก OT พร้อมยื่นร้องขอความเป็นธรรม

อดีตพนักงานท่าเรือ 37 คน เข้ารายงานตัว คดีทุจริตเบิก OT พร้อมยื่นร้องขอความเป็นธรรม

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566, 14.03 น.

ดีเอสไอ. ส่งสำนวน พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องอดีตพนง.การท่าเรือฯ 37 คนทุจริตเบิกเงินโอที พร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ชี้มีพยานปรักปรำใส่ร้ายในชั้นสอบสวน ขออัยการสอบเพิ่มพยานหาข้อเท็จจริง

วันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่สำนักอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความพาผู้ต้องหา ซึ่งเป็นอดีตพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย จำนวน 37 คนเข้ารายงานตัว กรณีการทุจริตเบิกจ่ายค่าล่วงเวลา หรือ โอที ช่วงปี 2545-2555 ทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินกว่า 3,300 ล้านบาท 


โดยคดีนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อปี 2557 ผู้บริหารการท่าเรือฯได้เข้าร้องเรียนต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ขณะนั้น ให้ดำเนินคดีเรื่องค่าล่วงเวลา(โอที)ของขบวนการค้าความทำให้รัฐเสียหายหลายพันล้านบาท จึงขอให้ ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบการทุจริต ต่อมา ต้นปี 57 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ หลังจากนั้นสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาแต่ ป.ป.ช.ส่งสำนวน กลับไปให้ ดีเอสไอดำเนินคดีต่อไป ต่อมาเดือน มิ.ย. 2560 ดีเอสไอ แจ้งให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเข้า มาเป็นผู้กล่าวหา โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นพนักงานและอดีตพนักงานและผู้ควบคุมงานรวม 560 คนที่ตกเป็น ผู้ถูกกล่าวหา โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 3,300 ล้านบาท ใช้เวลาสรุปสำนวนประมาณ 6 ปี ดีเอสไอ จึงมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้เพียง 37 คนจาก 560 คน พร้อมส่งตัว และสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ พิจารณา

นายกฤษฎา  ทนายความ กล่าวว่า ในวันนี้ผู้ต้องหาทั้ง 37 คนได้มอบหมายให้ ตนในฐานะทนายความทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการสํานักงานคดีพิเศษ ขอให้มีคำสั่งให้ ดีเอสไอ สอบพยานเพิ่มเติม รวม 2 ปากซึ่งเป็นอดีตพนักงานการท่าเรือฯ  และรักษาการแทน ผอ.การท่าเรือ ฯโดยพยาน โดยพนักงานคนที่หนึ่งมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศรวม 8 วัน แต่ไม่ได้ขออนุญาตพักผ่อนหรือลา และเมื่อเดินทางกลับ มาได้ขอเบิกและรับเงินค่าล่วงเวลาทั้ง 8 วันออกไป แต่รักษาการผอ.การท่าเรือ ฯ เพียงลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกเท่านั้น โดยไม่แจ้งความดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอเหมือนกับพนักงาน 560 คนด้วย อีกทั้งพยานทั้งสองและผู้ทำหน้าที่ประสานคดีก็ยังได้เสนอชื่อพยานคนที่หนึ่งไปให้การเป็นพยานในสำนวนคดีพิเศษเพื่อต้องการปรักปรำใส่ร้าย ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 560 คนว่า ไม่ได้ทำงานจริงแต่มาขอเบิกเงินค่าล่วงเวลาออกไป พฤติการณ์ของพยานทั้งสอง ปากบ่งชี้ว่า มีการกลั่นแกล้งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 560 คน ทำให้ดีเอสไอหลงเชื่อและมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 37 คน ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ 

ดังนั้น จึงต้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการฯเพื่อตรวจสอบสำนวนว่ามีลักษณะเป็น การกลั่นแกล้งใส่ร้ายผู้ต้องหาทั้ง 37 คนหรือไม่ ทั้งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 พนักงานที่ถูกกล่าวหาทั้ง 560 คนต้องถูกสังคมประณามว่าเป็นคนโกงเป็นคนทุจริตเงินหลวง และยังทำให้การฟ้องคดีที่ศาลแรงงานกลางเพื่อ เรียกเงินค่าล่วงเวลาเป็นรายชั่วโมงต้องแพ้คดีไปทั้งหมดด้วย
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top