จับแล้ว 2 แก๊งคอลฯสวมรอยตำรวจ ตุ๋น‘แพทย์-นักธุรกิจ’โอนเงิน 143 ล้าน
18 เมษายน 2566 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 , พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนําโดย พ.ต.ท.ธรรมปกร กัณหญาวงษ์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1 , พ.ต.ท.ธนัช ธนาบุญประกอบ สว.กก.2 บก.สอท.1 , พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พระศรี สว.กก.2 บก.สอท.1 ร่วมจับกุมตัว
1.นายสมศักดิ์ อายุ 43 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 162/2566 ลงวันที่ 16 มกราคม 2566 ข้อกล่าวหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” และตามหมายจับของศาลจังหวัดลําปาง ที่ จ.262/2565 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”
2.นางสาวปทุมรัตน์ อายุ 20 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 156/2566 ลงวันที่ 16 มกราคม 2566 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”
ทั้งนี้ จับกุมทั้ง 2 คนได้ที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบ้านฉาง ข้างอาคาร 5 ถนนปทุมลาดหลุมแก้ว ตําบลบางปรอก อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2565 กองบังคับการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี 1 ได้รับคําร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่าได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเป็นพนักงานขนส่ง บริษัทเอกชนแจ้งกับผู้เสียหายทั้ง 2 รายว่ามีพัสดุที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเพื่อความบริสุทธิ์ใจให้ติดต่อ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.เมืองเชียงราย
เมื่อติดต่อไปแล้วมีคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ ระดับ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย แจ้งว่าให้ผู้เสียหายทั้งสองโอนเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย คือ รายที่ 1 คุณหมอจังหวัดชุมพร 101 ล้านบาท และรายที่ 2 นักธุรกิจประกอบกิจการพลังงานแสงอาทิตย์ 42 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 143 ล้านบาท เพื่อไปตรวจสอบ และข่มขู่ว่าถ้าไม่มีการโอนเงินมา ตรวจสอบจะดําเนินการออกหมายจับผู้เสียหายทั้งสอง ผู้เสียหายทั้งสองเกิดความกลัวจึงได้โอนเงินทั้งหมด ไปให้ตรวจสอบ
จากนั้นผู้เสียหายทั้งสองจึงได้พยายามติดต่อกับผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายทั้งสองจึงเชื่อว่าตนเองนั้นถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อดําเนินการตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้ง วิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจสืบสวนนําโดย พ.ต.ท.ธรรมปกร กัณหญาวงษ์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ท.ธนัช ธนาบุญประกอบ สว.กก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พระศรี สว.กก.2 บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนหาข้อมูลผู้กระทําความผิดครั้งนี้ จนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายคือนายสมศักดิ์ และ นางสาวปทุมรัตน์ พักอาศัยอยู่บริเวณหมู่บ้านเอื้ออาทรบ้านฉาง ตําบลบางปรอก อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
จนกระทั่งวันที่ 17 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.สอท.1 ชุดจับกุม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและจับกุมนายสมศักดิ์ และนางสาวปทุมรัตน์ ผู้ต้องหาตาม หมายจับของศาลข้างต้น โดยได้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทั้งสองรายทราบ และได้แจ้งด้วยว่าจะต้องถูกจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายให้ทราบด้วยแล้ว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 อ้างว่ามีเพื่อนชักชวนให้เปิดบัญชีม้า 6 บัญชี ได้ค่าจ้าง บัญชีละ 500 บาท โดยเพื่อนเป็นคนนำซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือมาให้ใช้ในการเปิดบัญชีและ ติดตั้ง application สำหรับโอนเงิน เมื่อเปิดบัญชีแล้วได้ถอดซิมการ์ด ให้กับเพื่อนไป โดยไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ในการหลอกให้คุณหมอและ เจ้าของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ โอนเงินกว่า 140 ล้านบาท ซึ่งตำรวจไม่เชื่อในคำให้การเตรียมขยายผลไปยังเพื่อนที่จ้างให้เปิดบัญชีและผู้ร่วมขบวนการ พร้อมระบุว่าบัญชีของผู้ต้องหาทั้งสอง เป็นบัญชี สุดท้ายที่มีการโอนเงินไปยังจุดแลกเปลี่ยนให้เป็นสกุลเงินดิจิทัล เตรียมขยายผลไปยังผู้ที่ว่าจ้างเปิดบัญชี และผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี