‘ลุงพล-ป้าแต๋น’น้ำตาคลอขอเคลียร์ ปมเดินแสวงบุญ-หากินกับชีวิตหลาน คืบหน้าคดี‘น้องชมพู่’
20 เมษายน 2566 “ลุงพล-ป้าแต๋น” ออกรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมเคลียร์ชี้แจงคดีดัง “น้องชมพู่” จะจบแบบไหน แต่คดีเก่ายังไม่ทันเคลียร์ ยังมีประเด็นใหม่มาให้เคลียร์กันอีกแล้ว ที่หลายคนว่าการเดินแสวงบุญในครั้งนั้น หวังหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แถมยังตอบคำถามแบบละเอียดเกี่ยวกับ “ทนายตั้ม” กับประเด็นค่าทำคดีน้องชมพู่ 3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ทั้งสองขอเคลียร์ให้กระจ่าง
#ลุงพลคะ ดิฉันต้องถามนิดนึงนะคะไม่รู้จะเสียรูปการไหมคะ แต่ดิฉันต้องถามค่ะความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ตอนนี้ไปถึงไหน
ลุงพล : เรื่องคดีของหลานชมพู่นะครับ อยู่ในกระบวนการศาลชั้นต้นอยู่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเบิกความฝั่งโจทย์อยู่ ตอนนี้ก็ให้ทนายทำงานหน้าที่ของท่านทนายให้เต็มที่ครับ แล้วลุงป้าก็เคารพในกระบวนการยุติธรรม รอขึ้นศาลอีกทีก็เดือนมิถุนายน
#แต่ฉันก็ฟังคนโน้นฟังคนนี้มาเยอะตามประสา นั่งอยู่ก็มีแต่คนเล่าเธอสองคน เขาก็บอกว่ายังไงเธอสองคนก็รอดเพราะเธอมีพวกยูทูบเบอร์พรรคพวก ทำข่าวชี้แจงความจริงนี่โน่นเยอะแยะช่วยกันกระจายให้เธอรอดจริงหรือเปล่า
ลุงพล: จริง ๆ ยูทูบเบอร์เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้านกกกอก ก็มียูทูบเบอร์ประมาณเกือบร้อยช่องที่ทำข่าวอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านจำเปาะดงเหนือ หมู่6 ตำบลกุดดอยคำ ซึ่งเป็นบ้านเกิดผม ตอนนี้ยูทูบเหลือประมาณ 40 กว่าช่อง ก็ครึ่งของครึ่ง
#ก็ไม่น้อยนะคะก็ยังเยอะนะ 40 กว่าช่องช่วยรายงานความเคลื่อนไหวของลุงกับป้าสองคน เขาบอกว่ายังไงก็เถอะก็ต้องรอด เพราะพวกเธอเยอะในสื่อ
ป้าแต๋น : อันนี้ขออนุญาตนิดนึงนะคะว่า ถ้าอยากจะบอกว่ายูทูบเบอร์ทำให้ลุงป้ารอดหรือว่าคนอื่นที่ทำให้ลุงป้ารอดเนี่ยจริง ๆ เราต้องดูตามความจริงทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการของศาล มันต้องอยู่ตรงโน้นดีกว่าเพราะยูทูบเบอร์ทำเป็นกระแสไปเรื่อย ๆก็ทำเป็นรายได้กันไปคนที่จะตัดสินจริง ๆ ก็คือ ศาล
#ใช่ค่ะแต่เค้าก็บอกว่าถ้าคดีเงียบ ๆ นะเหมือนเป่าสากก็เข้าคุกกันง่าย ๆ แต่ถ้าคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชนมีคนช่วยกระพือส่วนใหญ่อีคดีพวกนี้รอดลุงกับป้าว่าไง
ลุงพล: อันนี้ผมคิดว่าถ้าสังคมคิดแบบนี้นะครับ ถ้าคนที่เป็นคดีดัง ๆ แล้วคนสนใจ แล้วจะต้องรอดอันนี้ผมคิดว่าคงไม่ใช่ เพราะคนที่จะต้องรอดเกี่ยวกับเรื่องที่คนสนใจต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ ซึ่งลุงป้าเองตอนนี้กำลังพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม
#ถามหน่อยเธอว่าเธอสองคนรอดหรือเปล่า
ลุงพล: อันนี้เราตัดสินใจสองคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพยานที่นำสืบต่าง ๆ
#อ๋อถ้าเกิดพยานเขามาต่อให้เป็นความเท็จ แต่เราก็แพ้ด้วยหลักฐานเราก็ต้องติดคุกหรอ เอ้าก็เราไม่ได้ทำ ยังไงเราก็ต้องรอดเธอก็ต้องมั่นใจสิว่าเธอต้องรอด
ลุงพล: คือความจริงหนะ สิ่งที่ลุงป้าต้องเจอทุกวันนี้ เพราะว่าส่วนหนึ่งมันอาจเป็นที่ลุงให้ข่าวในสื่อมากจนเกินไป เหมือนกับคำพูดทุกอย่างต้องมามัดตัวเอง ที่นี้ก็ต้องมาพิสูจน์ตัวเองด้วยกระบวนการชั้นศาล ซึ่งทุกวันนี้ลุงก็พยายามที่จะออกสื่อให้น้อยลง
#แล้วปล่อยลุงไปให้ออกทำไมคะป้า
ป้าแต๋น : ตั้งแต่แรกเราไม่ได้คิดว่ามันจะมาเป็นแบบนี้ด้วยความที่เราอยาก ครั้งแรกที่ลุงพาน้องไปผาก็คือแบบอยากจะขอความช่วยเหลือกลัวมันแบบว่าผ่านไปเฉย ๆ อะไรแบบนี้ เลยเป็นต้นเหตุที่ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นกะเราตรงนี้ แต่ทุกอย่างที่มันเป็นไปมา เราสองคนนี้คือ ถ้าจะไม่พูดเรื่องศาลเรื่องอะไร ถ้าเราบอกว่าเราไม่ได้ทำแต่หลายคนเขาอาจจะคิดว่า มันทำแน่ มีความสงสัยจนเราเกิดเป็นผู้ต้องหามีอะไรมาพวกนี้ทุกอย่างมันก็คือ
#ถามจริงเราสองคนไม่ได้ทำใช่ไหม
ป้าแต๋น: ใช่ค่ะ ไม่ได้ทำ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแบบนี้ทุกอย่างมันก็ต้องจบที่ศาล ในเมื่อเราพูดปากอย่างงี้แล้ว ไม่มีใครเชื่อสุดท้ายมันก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐานทุกอย่าง
#ลุงพล ป้าแต๋นก็รู้นะเรื่องราวของเราไม่ใช่เล็ก ๆ มีคนยืนไม้ยื่นมือ ดิฉันก็ไม่รู้ว่ามาช่วยจริงหรือช่วยไม่จริงหรือมาเกาะกระแสใช้ทนายเปลืองมาก แล้วหนึ่งในนั้นก็มีทนายตั้มเข้ามาช่วยด้วยก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวดิฉันต้องถามก่อนตอนนั้นไปรู้จักทนายตั้มได้ยังไง
ลุงพล: ตัวทนายตั้ม ที่ลุงรู้จักก็คือรู้จักเกี่ยวกับเรื่องทำหวย 30ล้าน ก่อนหน้าเรื่องน้องแล้วทีนี้ก็มารู้จักทนายตั้มอีกทีตอนที่ลุงไปปรึกษาคนดังเมืองเพชร ก็ได้เข้าไปยื่นคดีหมิ่นประมาทคนดังอีกคนนึง ก็ไปยื่นตรงที่ศาลอาญารัชดา ก็เลยรู้จักทนายตั้มมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นท่านก็พยายามเดินทางไปที่กกกอก
#เห็นทนายตั้มบอกที่เขาไปต้องออกเงินเองอะไรเอง แต่ลุงพลก็บอกว่าอ๋อต้องช่วยเหลือดูแลที่อยู่ที่กินออกข่าวกันแบบคนละแนวดิฉันว่าต้องมีใครคนใดคนนึงโกหกตกลงยังไงคะเล่าซิ
ป้าแต๋น : จริง ๆ ก็ทนายตั้มท่านเดินทางมา เราไม่ได้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินหรือจ่ายค่าที่พักให้ ส่วนมากก็จะเป็นพาไปทานข้าว เพราะว่าช่วงแรก ๆ คือคดีมันยังไม่ได้เริ่มอะไรมากมายแต่ทุกครั้งที่มา ทนายท่านก็จะซัพพอร์ตตัวเองเราก็จะช่วยในเรื่องของการพาไปทานข้าวประมาณนี้เอง ไม่ได้ให้
#อ้าวแล้วทำไมมันมีข่าวว่าเขาเอาไปตั้งสามล้านหละ
ป้าแต๋น: อันนี้เราก็เหมือนกับว่าได้ยิน ก็คือมันเป็นคำพูดของโซเชียลค่ะ ผ่านมาเรื่อย ๆ ของเอฟซีที่เขาทำคลิปทำอะไรกันออกมา จริง ๆ ท่านก็บอก ก็มีเอฟซีเหมือนกับว่าโทรมาคุย มาอะไรประมาณนี้อยู่ แต่ที่ว่าสามล้านใช่ไหมคะ ต่อรองเป็นสองล้าน อะไรอย่างเงี้ยจริง ๆ แล้วตัวเงินจะโอนเข้าไม่เข้า อันนี้คือเราไม่รู้จริง ๆ แต่ถ้าว่าเห็นเขาพูดคุยในสื่อในข่าวในโซเชียลยูทูบพวกนี้เราก็ได้ยินมา
#แล้วทนายตั้มเคยมาเรียกร้องเงินกับเราโดยตรงไหม เอาสามล้าน
ป้าแต๋น: ไม่เคยค่ะ
#แล้วที่มันบอกว่าอี 5 แสนนั้นคืออะไรหละ
ป้าแต๋น: อันนั้นเราก็ไม่ทราบค่ะ เพราะว่ามันเป็นโซเชียล มันเป็นคำพูดของโซเชียล
#ตายต้องแคปแล้วเก็บมานะ เขาอาจจะใส่ประเด็นโกหกแล้วทำให้เราเสียหายกันไปหรือเปล่า
ป้าแต๋น: มันก็อยู่ที่คนพูดแหละค่ะ ว่าเขาเอาหลักฐานอะไรหรือเปล่าเราไม่แน่ใจว่ามีกันไหม แต่ว่าส่วนที่เราก็คือ เราก็อยู่ตรงกลางตรงนี้ไม่สามารถที่จะไปรู้ได้ว่ามันจริงเท็จแค่ไหน แต่ได้ฟังมา ได้ยินมา อันนั้นได้ยิน
#ลุงกับป้าคะคดีความยังไม่จบนะคะ ศาลยังตัดสินไม่เสร็จ ดิฉันทราบว่าสองคนตอนนี้ก็ทำบุญกันเยอะไปวิ่งสองร้อยกิโลเมตรเพื่ออะไรกันคะ
ลุงพล : เป็นการเดินแสวงบุญครับ
#อ๋อเดิน ดิฉันก็นึกว่าวิ่งแบบดาราเขาวิ่งแล้วเขาเรี่ยไรเงินตามถนนกันแบบนั้น อ๋อเป็นแสวงบุญเดิน
ลุงพล: คือความตั้งใจที่ลุงเองนะครับได้ไปสร้าง ได้สร้างองค์พ่อปู่ปาริจิตนาคราชเป็นงานพระธาตุพนม ทีนี้มันมีช่วงที่ผมบวงสรวง 9 มกราคม เสร็จแล้วมันอยู่ในช่วงเดือนสองถ้าเป็นประเพณีอีสาน ก็จะมีบุญเดือนสามที่คนโบราณคนเฒ่าคนแก่เค้าทำบุญกันมานะครับ ทีนี้บุญเดือนสามที่พระธาตุพนมจัดทุกปี เลยคิดว่าระยะทางสองร้องกิโลเมตร ซึ่งให้ยูทูบไปสำรวจเส้นทางก่อนว่าตัวลุงเองจะเดินไหวไหม ทีนี้ระยะทางมันสองร้อยกว่ากิโลครั้งแรกตั้งใจว่าจะเดินสักสามวัน ทีนี้เส้นทางที่เราจะไปถ้าเดินเท้าเปล่า แล้วช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่ลุงเองก็ยังคิดว่าจะเดินไหวไหม วันละ 70 กิโลเมตรเลยมานั่งพูดคุยกันหลังจากที่ดูเส้นทางที่จะเดินเลยนัดกันว่าเราจะเพิ่มเวลาในการเดินเป็นสี่วัน ห้าวันเลยตัดสินใจเดินกันที่ 4 วันเป็นอย่างน้อย วันละ50กิโลเมตร แต่การเดินเราต้องมาประชุมพูดคุยกันถ้าใครไม่ไหวให้ขึ้นรถเหมือนตัวลุงเองถ้าไม่ไหวก็ให้ขึ้นรถไปเลย
#เดินไปก็จะมีคนช่วยร่วมบุญด้วย
ลุงพล: อันนี้เราไม่รับครับ
#แต่มีคนเขาบอกนะว่าการเดินเที่ยวนี้หาเงินใส่กระเป๋าตัวเองแล้วเค้าจะมากล่าวหาได้ไงว่าพวกเธอหาเงินหากำไร
ลุงพล: มีรับก็จะเป็นต้นกรรณครับ เราปักต้นกรรณอยู่ที่ลานพ่อปู่ เรารวบรวมทั้งหมดวันนั้นเป็นเงินประมาณสองแสนกว่าบาท
#อะไรกันจะทำบุญทั้งทีก็มีคนหาว่าจะมาหากำไรเดี๊ยนอ่านตรงนี้ให้ฟังนะคะ มีคนเขาบอกท่านทนายอนันต์ชัยรู้จักเขาใช่ไหมคะ เขาบอกว่าอย่าเอาวัดพระธาตุพนมไปเกี่ยวข้องสร้างกระแส ตรวจสอบดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นี่ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้ แสดงว่าเขารู้เลยว่าลุงกับป้าจะหาเงินอีกแล้ว
ลุงพล: คือมันมีคนไปร้องเรียนที่วัดแล้วทีนี้ก็ไปบอกว่าทางลุงป้าเองไม่ได้เอาบัญชีวัดไปโพสต์
#แล้วเธอโพสต์บัญชีตัวเองหรอ
ลุงพล: จริง ๆ แล้วเป็นบัญชีวัดครับแล้วทางวัดอนุญาต
#แล้วทำไมคนอื่นไปบอกว่าเราโพสต์บัญชีตัวเอง
ลุงพล: เขาหาเรื่องครับเป็นคนที่ชอบหาเรื่อง จริง ๆ วันนั้นเราติดต่อทางวัดก่อนเรียบร้อยแล้วจริง ๆ เราไม่อยากจะพูดอะไรมาก เรากะทำบุญให้เสร็จเดินให้เสร็จก่อน ลุงป้าเราเองมียูทูบเบอร์อยู่ด้วยในระหว่างที่เราเดินทางเราทำคลิปทุกอย่างลงไปในโซเชียลทั้งหมด การที่ทำให้คนเชื่อว่าเราบริสุทธิ์ใจอะมันคงยากแต่การกระทำที่เราทำ
#ดิฉันถามแบบนี้เลยละกัน เธอเอาเงินบริจาคไปใช้กันหรือเปล่า
ป้าแต๋น : เหมือนกับคดีเลยค่ะ ถ้าบอกว่าเราไม่ได้ทำหลายคนเชื่อไหม มันมีคนไม่เชื่อก็เหมือนกันกับเงินบริจาคเงินอะไรทุกอย่างก็ตามถ้าเราบอกว่าเราไม่ได้เอาไปตามที่เค้าให้มา เราเอาไปช่วยคนนี้ เราบอกเราไม่ได้เอาไปทำอย่างอื่นคนที่เชื่อก็มี แต่คนที่ไม่เชื่อก็มี
สุดท้าย ลุงพลยังทิ้งทายว่า อยากให้สังคมมองไปที่ความจริง ที่เราต้องเจอ เชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นลุงพล ป้าแต๋น ลุงเองก็ถามมาตลอดมีใครอยากเป็นลุงพล ป้าแต๋นบ้าง(น้ำตาคลอ)
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี