เชียงราย-นครพนม-กระบี่

พายุถล่มหนัก

บ้านพังเสียหายนับพันหลัง

ฟ้าผ่าควาย3แม่ลูกตายคาทุ่ง

อุตุฯเตือน59จว.พร้อมรับมือ

ฝนหนัก/ลูกเห็บตก23-26เม.ย.

อุตุฯเตือนพายุฤดูร้อนถล่ม 59 จังหวัด เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงมีลูกเห็บบางพื้นที่ช่วง 23-26 เมษายนนี้ ด้าน จ.เชียงรายเจ้าหน้าที่ระดมกำลังช่วยชาวบ้าน ถูกพายุถล่มเสียหายเฉียดพันหลัง ส่วนที่นครพนม ฟ้าผ่าควายตายอนาถคาทุ่ง3ตัว เจ้าของสูญนับแสน ขณะที่ จ.กระบี่ พายุซัดบ้านเรือนเสียหายกว่า 100 หลัง

เมื่อวันที่ 23เมษายน2566 กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23-26เมษายน2566 ว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่

ทั้งนี้ เริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และด้านตะวันออกของภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน และระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง

ส่วนลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ทั้งนี้ สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะมีผลกระทบมีรวม 59 จังหวัด ดังนี้ วันที่ 23 เมษายน 2566 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

วันที่ 24 เมษายน 2566 ภาคเหนือ น่าน อุตรดิตถ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร ชัยภูมิ อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีภาคตะวันออก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด

วันที่ 25-26 เมษายน 2566 ภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกทม.และปริมณฑลภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ทหารพรานที่ 31 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับจิตอาสา ได้ร่วมช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยเข้ารื้อถอน ซ่อมแซมบ้านเรือนผู้ประสบภัย ในห้วงวันที่ 21-22 เมษายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ที่ได้รับผลกระทบร่วม 100 หลังคาเรือน

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เชียงราย ได้ตรวจสอบความเสียหายจากพายุลมแรง พบว่ามีบ้านเรือนเสียหายกว่า 967 หลังคาเรือน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 16 อำเภอ 41 ตำบล 156 หมู่บ้าน และ 11 ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีหน่วยงานราชการเสียหาย 3 แห่ง โดยอำเภอที่มีบ้านเรือนเสียหายมากที่สุดคือ อ.เชียงของ เกิดขึ้นใน 2 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหายกว่า 357 หลัง รองลงมาคือ อ.แม่จัน 8 ตำบล 26 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 152 หลัง โดยทั้ง 2 อำเภอนอกจากมีฝนตกและ พายุแล้วยังมีลูกเห็บตกด้วย ทั้งนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ผวจ.เชียงราย ได้สั่งการให้มีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าจะให้การช่วยเหลือแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้

ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพอากาศแปรปรวนมาก โดยอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบาง พื้นที่เกิดพายุลูกเห็บ โดยเฉพาะ ต.นาถ่อน ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม และ อ.เรณูนคร มีพายุพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนเสียหายเกือบ 100 หลังคาเรือน

ทั้งนี้ เกิดความเสียหายหนักที่สุดที่บ้านตาลกุด หมู่ 8 และหมู่ 3 ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม หลังจากมีฝนตกนานนับชั่วโมง บ้านเรือนถูกลมพายุพัดหลังคาปลิวกว่า 50 หลังคาเรือน บางหลังคาดว่าจะต้องเสียค่าซ่อมแซมกว่า 50,000 บาท อีกทั้งมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นนับ 10 ต้น เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน นอกจากนี้ในพื้นที่ ต.นาถ่อน อ.ธาตุพนม ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน มีบ้านเรือนเสียหายกว่า 20 หลัง

ขณะที่นายนิพพิชฌน์อติอนวรรตน์ นายอำเภอธาตุพนม ได้ระดมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ประสานศูนย์ป้องกันและสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่สำรวจและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว

ขณะเดียวกันที่ ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม เกิดฟ้าผ่าควาย 3 แม่ลูก เป็นเพศเมีย 2 ตัว และเพศผู้ 1 ตัว อายุประมาณ อายุ 3-4 ปี ตายคาทุ่งนา หลังจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้เกษตรกรเจ้าของควาย ได้รับความเดือดร้อน รวมมูลค่าความเสียหายนับแสนบาท โดยมีชาวบ้านมารับซื้อราคารวมประมาณแค่ 20,000 -30,000 บาท เพื่อนำไปชำแหละขาย

อีกด้านหนึ่ง ที่ จ.กระบี่ นายภาสกร บุญญลักษม์ผวจ.กระบี่ ได้สั่งการให้อำเภอที่ได้รับผลกระทบ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระบี่เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนและสำรวจความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่

ส่วนนายกิตติพนธ์ วุฒิวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กระบี่เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนและมีลมกระโชกแรง จนต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายแห่ง ซึ่งจากการสำรวจและได้รับรายงาน พบว่าที่ ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ มีความเสียหายในพื้นที่หมู่ 2 บ้านหนองขอน โดยลมแรงทำให้หลังคาบ้านเรือนเสียหายบางส่วน ประมาณ 20 หลังคาเรือน ต้นไม้ล้มทับเสาไฟฟ้าจนหักโค่นบนถนนเพชรเกษม

ขณะที่บริเวณป่าแก่ หมู่ 3 บ้านหนองพูด มีลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเสียหายบางส่วนประมาณ 25 หลังคาเรือน หมู่ 7 บ้านวังหิน มีลมแรงจนหลังคาบ้านเสียหายทั้งหลัง3 หลังคาเรือน และกระเบื้องมุงหลังคาเสียหายบางส่วนประมาณ 10 หลังคาเรือน หมู 8 บ้านท่าคลอง มีลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเสียหายทั้งหลัง5 หลังคาเรือน และกระเบื้องมุงหลังคาเสียหายบางส่วนประมาณ 30 ครัวเรือน

สำหรับการช่วยเหลือนั้นทาง อบต.ทับปริก ได้จัดเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ออกสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยบ้านเรือนที่หลังคาเสียหายทั้งหลัง ได้ประสานให้จัดหาที่พักเป็นการชั่วคราว ส่วนต้นไม้และเสาไฟฟ้าที่หักโค่นบนถนนเพชรเกษม ได้ประสานเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงกระบี่ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ กระบี่ เข้าเคลียร์พื้นที่และซ่อมแซม จนรถสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ปกติ