ทลาย‘แก๊งมาม่าซัง’โยง‘นัดยิ้ม’ เปิดร้านนวดบังหน้าชำแหละรถเถื่อน ทำเป็นครอบครัว
5 พฤษภาคม 2566 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมชุดสืบสวน นำกำลังเจ้าหน้าที่และหมายศาลเข้าตรวจค้นร้านสปาแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มีนางสมนึก อายุ 65 ปี เป็นเจ้าของร้านนวดดังกล่าว จากการ ตรวจสอบพบรถยนต์เก๋ง 5 คัน ที่ถูกขโมยมา พร้อมแผ่นป้ายรถยนต์อีกนับ 10 แผ่น จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เพื่อดำเนินคดี
ก่อนหน้าการจับกุม และตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากชุดสืบสวนนครบาลสืบทราบว่ามีร้านนวด เปิดร้านบังหน้าฉากหลังเป็น “โรงชำแหละ” รถเถื่อน ธุรกิจทำกันเป็นครอบครัว ยาย-แม่-ลูกเขย-หลานสาว โดยจับกุม “เซเลบเก๊” ที่ตระเวนก่อเหตุ “นัดเดท” ผ่านแอปหาคู่ แล้วขโมยรถเหล่าหญิงสาวที่เป็นคู่หลับนอน นำมาสู่การขยายผลเจอ “แก๊งมาม่าซัง” นักชำแหละรถรายใหญ่ ซึ่งมีมาม่าซัง “สายมู” เป็นหัวหน้าเครือข่าย ใช้ร้านนวดเป็นฉากหน้า โดยฉากหลังเป็นโรงชำแหละรถแบบครบวงจร ซึ่งมีรถเข้ามาไม่น้อยกว่า 5 คันต่อสัปดาห์
จากนั้น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่าย 4 ราย และบุกทลายโรงชำแหละนี้ ตรวจยึดรถที่รอ “ขึ้นเขียง” อยู่อีกจำนวน 10 คัน ไว้ได้ทันท่วงที โดยในวันนี้จับกุมตัวสองสามีภรรยาซึ่งเป็นหัวหน้าเครือข่าย คือ 1.นางสมนึก อายุ 65 ปี (มาม่าซัง) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1339/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค. 66 , 2.น.ส.กนกวรรณ อายุ 41 ปี (ลูกสาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1338/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค. 66 , 3.น.ส.นฤมล อายุ 19 ปี (หลานสาวซึ่งเป็น steammer game online สายเซ็กซี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1337/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค.66 และ 4.นายรุ้ง อายุ 47 ปี (ลูกเขย) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1340/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค.66
พฤติการณ์คือเมื่อวันที่ 27 เม.ย.66 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายภีรพัฒน์ หรืออุ้ม หรืออั้ม และอีกหลายชื่อ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 7 หมายจับ ซึ่งคนร้ายรายนี้ได้แฝงตัวอยู่ในแอปพลิเคชั่นหาคู่ สร้างโปรไฟล์เป็น “เซเลบเก๊” ทำการ “นัดยิ้ม” กับเหยื่อที่เป็นหญิงสาวและจะอาศัยจังหวะที่เหยื่อนอนหลับไป “ขโมยรถ” ของเหยื่อไปขายให้กับกลุ่มผู้ค้ารถเถื่อน
หลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดช ขยายผลการจับกุมจนสืบทราบเบาะแสว่ารถยนต์ของ เหล่าหญิงสาวผู้เสียหายได้ถูกเซเลบเก๊รายนี้ขโมยไปนั้นได้ถูกนำไปขายให้กับ “มาม่าซัง” ย่านบางบัวทอง พล.ต.ต.ธีรเดช จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จนกระทั่งสืบทราบว่า มาม่าซัง ดังกล่าวคือนางสมนึก ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มาม่าซัง มิได้ทำเพียงคนเดียวแต่ยังมีผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งเป็นลักษณะ “ธุรกิจครอบครัว” มี น.ส.กนกวรรณ อายุ 41 ปี (ลูกสาว) , น.ส.นฤมล อายุ 19 ปี (หลานสาว) และนาย รุ้ง (ลูกเขย) ร่วมกันทำด้วย
จากการสืบสวนแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้ จะเปิดกิจการร้านนวดบังหน้า และจะใช้พื้นที่ด้านหลังร้านเป็นสถานที่ซุกซ่อนรถที่ไปรับซื้อจากเหล่ามิจฉาชีพ หรือรถที่หลุดจำนำ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการ “ชำแหละ” แยกอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งภายในโรงชำแหละนี้มีเครื่องไม้เครื่องมือในการแยกชิ้นส่วนรถยนต์ เรียกได้ว่า “ครบวงจร” ก่อนจะนำชิ้นส่วนรถขายทอดตลาด โดยระยะเวลาในการ “ย่อยสลาย” รถ เมื่อแก๊งมาม่าซังได้รับรถมาแล้ว ใช้เวลาทั้งกระบวนการไม่เกิน 2 วัน
ข้อมูลจากการสืบสวนทำให้ทราบว่าแก๊งมาม่าซังนี้ จะรับรถเข้ามาโดยเฉลี่ยแล้วสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 5 คัน จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ยังได้รับเบาะแสจากชาวบ้านในละแวก ซึ่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามาม่าซังรายนี้คือ “เจ้าใหญ่” ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่
ต่อมาวันที่ 4 พ.ค.66 พล.ต.ท.ธิติ สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายตามหมายจับของศาล ได้ที่หน้าบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ต.จอมประทัด อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี และจากนั้น พล.ต.ท.ธิติ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ นำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรีที่ ค.437/2566 และ ค.438/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค. 66 เข้าตรวจค้นร้านนวดที่ ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และโรงชำแหละที่บ้านในพื้นที่หมู่ 6 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง ดังกล่าว