สุ่มตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันโรงเรียนเมืองตรัง ผู้บริหารคณะครูไม่รู้ว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างรูปแบบใด เนื่องจากไม่มีเอกสาร อาหารเหลือถูกทิ้งเพียบ ซ้ำร้ายเทศบาลฯไม่จัดสรรเงินประมาณมาให้ ทำให้ ผอ.-ครูต้องรวมเงินลงขันจ่ายให้กับคู่สัญญาไปก่อน ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ตั้งข้อสังเกตหลายเรื่อง เตรียมตรวจสอบอย่างละเอียด
เมื่อเวลา 10.45 น. วันนี้ 22 พ.ค.66 นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ และจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง เครือข่ายภาคประชาชน ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.ตรัง มีนักเรียนอนุบาล จำนวน 80 คน ประถม 277 คน มัธยม 1-3 จำนวน 100 คน ซึ่งในระหว่างการเข้าตรวจสอบอยู่ในระหว่างนักเรียนรับประทานอาหารเที่ยงอยู่ วันนี้มีอาหารคือ ต้มไก่ แกงไตปลา ผัดผักกะหล่ำปลี และผลไม้คือฝรั่ง ซึ่งอาหารดังกล่าวนักเรียนทุกระดับชั้นกินเหมือนกันหมด ซึ่งคุณภาพอาหารพอกินครบทุกคน โดยที่โรงเรียนดังกล่าวได้รับงบประมาณโครงการอาหารกลางวันจากเทศบาล ในราคานักเรียนหัวละ 22 บาท
จากการตรวจสอบพบว่ามีแม่ครัวเป็นผู้ทำอาหารในโรงเรียน จากการสอบถามแม่ครัว ระบุว่า เป็นผู้ไปจัดซื้ออาหารมาปรุงในโรงเรียนฯเอง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการดำเนินการในลักษณะที่ทางโรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยนำงบประมาณไปจ้างแม่ครัวซื้อวัตถุดิบ และมาปรุงให้กับนักเรียน ขณะเดียวกันสอบถามผู้บริหารและคณะครู ว่าทางโรงเรียนดำเนินการในลักษณะแบบไหน โดยทางโรงเรียนแจ้งว่าไม่รู้ และอ้างว่าไม่มีเอกสารโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งได้ส่งให้เทศบาลฯ ไปหมดแล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ไปติดตามกับทางเทศบาลฯเอง
และอีกหนึ่งประเด็น คือ ตั้งแต่เปิดเทอมมาทางเทศบาลยังคงไม่มีการจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณโครงการอาหารกลางวันมาให้กับทางโรงเรียน ทำให้ไม่มีเงินไปจ่ายให้กับคู่สัญญา ทำให้ทางผู้บริการสถานศึกษาและคณะครูต้องช่วยกันรวบรวมเงินลงขันจ่ายให้กับคู่สัญญาไปก่อน โดยที่ทางโรงเรียนแจ้งว่าได้ส่งไปให้เทศบาลฯตั้งแต่ช่วงก่อนปิดเทรมแล้ว โดยที่ทางโรงเรียนปฏิเสธการให้สัมภาษณ์
นายยุทธนา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ ได้รับข้อมูลจากผู้บริหารสถานศึกษา และคุณครูว่าทางโรงเรียนยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้ทาง ผอ.โรงเรียน และคุณครูต้องช่วยกันแชร์เงินกันเพื่อให้ได้มีการเบิกจ่ายให้กับคู่สัญญาในการจัดทำโครงการอาหารกลางวันเป็นเงินจำนวน 30,000 กว่าบาท ส่วนการจัดทำโครงการอาหารกลางวันก็ได้มีข้อสังเกตในเรื่องของคุณภาพของอาหาร เช่นบางเมนูที่ทำมาน้องๆหนูๆนักเรียนไม่ชอบทาน เช่นผัดกะหล่ำปลี ฟักต่างๆ ทำให้ต้องมีการเททิ้ง เป็นที่น่าเสียดาย ก็พยายามให้ทางโรงเรียนปรับปรุงเมนูให้สอดคล้องกับ การบริโภคหรือการรับประทานของนักเรียน ซึ่งหากเป็นไปตามหลักโภชนาการก็สามารถจะเกิดทั้งในเชิงคุณภาพและในเชิงปริมาณ
นายยุทธนา กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ก็จะไปขอเอกสารหลักฐานจากทางเทศบาล ว่า ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามวิธีการระเบียบหรือกฏหมายกำหนดมาหรือเปล่าว่าใช้วิธีการแบบไหน ในการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ต้องกำชับให้ระมัดระวังในเรื่องของการใช้นอมินีหรือยื่มชื่อผู้อื่นมาเป็นคู่สัญญา แต่ใช้วิธีการในการไปซื้อวัตถุดิบต่างๆมาดำเนินการเองตรงนี้ก็ต้องกำชับ ต้องเฝ้าระวังในตัวโครงการอาหารกลางวันแห่งนี้
ขณะที่นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง กล่าวว่า เท่าที่ลงไปตรวจสอบแบบที่ทางโรงเรียนไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้าเราก็พบว่าอาหารกลางวันที่ทางโรงเรียนจัดให้เด็กนักเรียนนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างจะดี คือมีสารอาหารครบถ้วน ทั้งในส่วนของโปรตีน ในส่วนของผัก และในส่วนของผลไม้ ที่ให้เด็กรับประทานทั้งในเด็กระดับชั้นอนุบาลก็ถือว่าครบถ้วนดี แต่ประเด็นปัญหาของทางโรงเรียน ลักษณะของการทำการจ้างผู้มาทำอาหาร ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางโรงเรียน ที่จะต้องนำมาตรวจสอบกันอีกครั้ง ว่าโรงเรียนใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างในรูปแบบไหนกันแน่ เพราะเท่าที่สังเกตและขอข้อมูลยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอว่าจะทำถูกต้องตามระเบียบที่ทาง สพฐ. กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งก็จะต้องติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดหลังจากนี้ เพื่อให้โรงเรียนทำให้ถูกต้องตามระเบียบ รวมทั้งเฝ้าระวังในเรื่องคุณภาพและปริมาณของอาหารที่นักเรียนจะได้รับในอนาคต.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี