ญาตินิมนต์พระสงฆ์ เชิญดวงวิญญาณเจ้าของบ้านใหม่ ที่ถูกเจ้าของบ้านหลังเดิมยิงเสียชีวิต เมื่อวานนี้ พร้อมเปิดใจ ว่าผู้ตายเป็นคนจิตใจดี กำลังหาบ้านหลังใหม่ให้ลุงที่ก่อเหตุอยู่ด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะมาจบชีวิตแบบนี้ 

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 จากกรณี นายเดชา อายุ 65 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิง น.ส.กมลพร สียชีวิตหน้าบ้านพักภายในโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนรังสิต-นครนายก คลอง11 ซึ่งหลังจากผู้ก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิตแล้วได้หลบหนีเข้าไปในบ้านพัก ก่อนที่จะเจรจาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 5 ชม.

น้องชายของนางสาวกมลพร  เจ้าของบ้านคนใหม่ที่ถูกยิงเสียชีวิต ขณะมาเจรจาขอให้เจ้าของบ้านคนเดิมย้ายออก ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ บริเวณจุดที่เกิดเหตุ ภายในหมู่บ้าน โดยมีเพื่อนสนิท และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ มายืนดูและไว้อาลัย จับกลุ่มพูดคุยกับเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น

เพื่อนสนิทผู้ตาย เล่าว่า เมื่อวานนี้ ตกใจมากเมื่อทราบข่าว เพราะเจ๊กุ้งผู้ตาย เป็นคนที่มีนิสัยใจคอดี ชอบทำบุญ รับอุปการะเลี้ยงดูทั้งคนชรา และ หมาแมว หลายสิบชีวิต ตั้งแต่รู้จักกันมาเจ๊กุ้งไม่ใช่คนนิสัยใจคอดุร้าย แม้แต่หมายังไม่เคยตะคอก จึงไม่คิดว่าจะมาจากไปเพราะเหตุการณ์แบบนี้ โดยเจ๊กุ้ง ทำธุรกิจรับซื้อบ้านมือ 2 มารีโนเวทขายอีกต่อ ปัญหาที่เกิดขึ้น เจ๊กุ้งเล่าให้ฟังตลอด คุณลุงเจ้าของบ้านหลังนี้ยังไม่ยอมย้ายออก ที่ผ่านมา เคยเสนอให้ลุงย้ายไปอยู่บ้านอีกหลัง เพราะจะขอซ่อมแซมบ้านหลังนี้ แต่คุณลุงไม่ยอมย้าย เจ๊กุ้งก็ประนีประนอมให้อยู่มาปีกว่า จนกระทั่งนำหมายศาลมาอธิบายให้ลุงดู เพราะก่อนหน้านี้ ลุงบอกกับทนายของเจ๊กุ้งว่า ต้องมีหมายศาลเท่านั้น ด้วยความที่เจ๊กุ้ง คิดว่า ถ้าให้ทนายมาคุย ลุงจะไม่ยอมออก เมื่อวานนี้จึงเดินทางมาเอง เพื่อให้ลุงใจอ่อน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น 

ขณะที่ เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดกัน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนและลุงเดชา ผู้ก่อเหตุ ย้ายเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้พร้อมกันเมื่อปี 2545 ลุงเดชา มีอาชีพ ขายรองเท้าทำงาน รองเท้าผ้าใบ ตามตลาดนัด จนกระทั่งช่วงโควิดระบาดเทื่อปี 63 ลุงเริ่มไม่ได้ออกไปขายของ เพราะโควิดระบาด ทำให้เริ่มไม่มีรายได้ เป็นเหตุให้รถกระบะที่ใช้ทำมาหากินถูกยึด จากนั้นคาดว่าน่าจะเริ่มประสบปัญหาทางการเงิน ไม่ได้ผ่อนค่างวดบ้าน จนเป็นชนวนเหตุดังกล่าว โดยบ้านหลังเกิดเหตุซื้อพร้อมกันเมื่อปี 2545 ในราคา 5.5 แสนบาท ทำสัญญาผ่อน 4,500 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 24 ปี มี 2 ธนาคารที่ให้สินเชื่อคือ ธ.ออมสิน และ ธอส.

ขณะที่ เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และรู้จักกับทั้ง2 ฝ่าย เล่านาทีสังหารว่า เห็นเจ๊กุ้ง ผู้ตาย วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ แล้วล้มลงกลางถนน จังหวะนั้น ลุงเดชา เดินตามออกมา แล้วจ่อยิงซ้ำ 3-4 นัด เสียงดังสนั่น ผู้คนต่างพากันหลบเข้าบ้าน จากนั้น ลุงเดชาก็เข้าไปหลบในบ้าน ปิดประตูเหล็กขังตัวเอง

เพื่อนบ้าน เล่าอีกว่า ตนติดต่อกับเจ๊กุ้ง เป็นประจำ เพราะตนเป็นเหมือนนายหน้าหาบ้านในหมู่บ้านที่ประกาศขาย ให้กับเจ๊กุ้ง ซื้อไปรีโนเวท ที่ผ่านมา เจ๊กุ้ง เป็นคนพูดจาดี ใจเย็น ส่วนลุงเดชา ไม่สุงสิงกับใคร แต่ก็ไม่ใช่คนดุร้าย เชื่อว่าเหตุการณ์นี้ เป็นเพราะลุงเดชา รักและหวงบ้านหลังนี้มาก พอหมดหนทางจึงคุมตัวเองไม่อยู่ก่อเหตุดังกล่าว 

ส่วนประเด็นต้นไม้หน้าบ้านที่ผู้ตายมาตัดนั้น ชาวบ้านยอมรับว่าอาจเป็น 1 ใน ชนวนเหตุ เพราะ ลุงเดชามีต้นขนุนใหญ่กว่าหลังคาบ้าน และมักเอาขนุนมาแจกจ่ายเพื่อนบ้านเป็นประจำ แต่เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. เจ๊กุ้งให้คนมาตัดออก เพื่อเตรียมปรับปรุงวิสัยทัศน์ วันที่มาตัด ลุงเดชา เอาแต่ปิดประตู เก็บตัวอยู่ในบ้าน จึงไม่ทราบว่า ลุงเดชาโกรธหรือไม่ แต่วันที่มาตัด ไม่มีปากเสียง ไม่มีการโต้เถียงใดๆเกิดขึ้น 

สุดท้ายชาวบ้าน และเพื่อนสนิทผู้ตาย ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ เจ้าของบ้านหลังใหม่ ไม่ควรมีหน้าที่ในการต่อรอง เจรจาแบบนี้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกฎหมายของธนาคารทหรือ กรมบังคับคดี ควรใช้กฎหมายอย่างเคร่งตงครัด ไม่ใช่ผลักภาระหน้าที่ให้กับประชาชน 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทำอย่างไร!‘กรมบังคับคดี’แจงขั้นตอนผู้ซื้อทรัพย์ขายทอดตลาด แต่เจ้าของเดิมไม่ย้ายออก