สธ.ยันเตียงมีพอ

ทั่วปท.ใช้ไป22%

จี้ฉีดวัคซีนโควิด

ให้กลุ่มเสี่ยง 608

ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ “Trust No One”ตรวจค้น 6 เป้าหมาย ทลายแก๊งจีน ลวงเหยื่อข้ามโลกร่วมลงทุนคริปโตฯ เสียหายหมื่นล้าน ด้านสตม.จับผู้ต้องหาจีนมือฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียหาย 2.5 พันล้าน

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้า วันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สนธิกำลัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ชุดปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เปิดปฏิบัติการ ‘Trust No One’ ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ โดยนำหมายศาลเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุด ในพื้นที่ย่านศรีนครินทร์ และกรุงเทพกรีฑา กทม.

สำหรับจุดที่น่าสนใจ ได้แก่ การเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูย่านประเวศ ซึ่งจุดนี้มีด้วยกัน 5 เป้าหมาย โดยมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น เนื้อที่กว่า 150 ตารางวา แต่ละหลัง มูลค่าประมาณ 35-60 ล้านบาท ก่อนจับกุมนายเซาเซียน ซู อายุ 31 ปี และนางคี ยียี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน

พร้อมกันนั้น ได้ตรวจยึดเงินสดกว่า 1.5 ล้านบาท โฉนดที่ดินบ้านจัดสรร มูลค่า 60 ล้านบาท หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิท 4 ห้อง มูลค่า 128 ล้านบาท ตุ๊กตาแบร์บริค 14 ตัว โทรศัพท์ไอโฟน 6 เครื่อง ไอแพค คอมพิวเตอร์แม็คบุ๊ค กระเป๋าแบรนด์เนม อาทิ แอร์เมส ชาแนล ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบจุดอื่นๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน อีกกว่า 16 จุด หลังจากพบข้อมูลความเชื่อมโยงของกลุ่มดังกล่าว เบื้องต้นได้ตรวจยึดรถยนต์หรู เอกสารหลักฐาน โฉนดที่ดินและเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมทั้งตรวจสอบบ้านหรู ย่านกรุงเทพกรีฑา เพื่อตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ การตรวจค้นดังกล่าว เนื่องจากทาง บช.สอท.ได้รับการร้องเรียนผ่านผู้เสียหาย จากระบบแจ้งความทางออนไลน์ ว่าถูกคนร้ายใช้โปรไฟล์ปลอม มาตีสนิท ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม สำหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัล หรือสินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกรม ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.ศาลาแดง สน.โชคชัย และ สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่าเสียหายกว่า 35 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ชุดจับกุมได้ประสานข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ยูเอสซีเคร็ทเซอร์วิส และหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ว่ามีผู้เสียหายจากประเทศสหรัฐฯ 2 คดี และอังกฤษ 1 คดี ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายดังกล่าว รวมมูลค่ากว่าพันล้านและเชื่อว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งมูลค่าความเสียหายมากถึงหมื่นล้านบาท

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฆ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.พร้อมคณะ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน เครือข่ายฟอกเงินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท เนื่องจากได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ คือ MR.XU หรือนายซู (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ฟอกเงินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา มีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท เดินทางเข้ามาในประเทศไทย

ทั้งนี้ บก.สส.สตม.ได้สืบสวนติดตามตัว โดยทราบว่า MR.XU หรือนายซู ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2563 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและได้หลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ทางชุดสืบสวนจึงเฝ้าติดตาม จนพบ MR.XU หรือนายซู ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ อยู่ที่บริเวณริมถนนแถวคอนโดฯ ดังกล่าว จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น และทาง MR.XU หรือนายซู สมัครใจให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในห้องพัก ซึ่งผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบโทรศัพท์มือถือ และบัตรเครดิตหลายรายการ จากนั้นจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อดำเนินคดีต่อไป

อย่างไรก็ดี ตามแนวทางการสืบสวนทราบว่า MR.XU หรือนายซู มีหน้าที่ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศกัมพูชา โดยนำเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงประชาชน มาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล หรือติดต่อคนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าซื้อทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าได้ฟอกเงินให้ขบวนการดังกล่าวมาแล้วกว่า 2,500 ล้านบาท