ฉาวโฉ่อีกแล้ว!!! แหม่มสาวชาวลิทัวเนีย วิ่งโร่ขึ้นโรงพักแจ้งตำรวจจับลูกจ้างอุทยานฯ หื่นทำอนาจาร รับสารภาพทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทีแรกคิดจะข่มขืน แต่อ้างยั้งใจได้ สำนึกผิดเป็นคนไม่ดีเอง ขอโทษคนไทยทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ล่าสุดต้นสังกัดสั่งไล่ออกทันที
จากการที่มีข่าวแพร่สะพัดว่าลูกจ้างหน่วยราชการในพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวสาวชาวลิทัวเนีย จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดวันนี้ 1 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ เสนาบุตร ผกก.สภ.ศรีสวัสดิ์ และ พ.ต.ต.ปกรณ์เกียรติ ชิณเทศ สว.(สอบสวน) สภ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อไปถึงพบเจ้าหน้าที่ ตร.กำลังทำการสอบปากคำ นายปราโมทย์ อายุ 24 ปี ชาวจ.กาญจนบุรี ลูกจ้างชั่วคราวอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายนักท่องเที่ยวสาวชาวลิทัวเนีย ที่บริเวณบ่อขยะเทศบาลเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
โดย พ.ต.ต.ปกรณ์เกียรติ ชิณเทศ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 12.14 น. วันที่ 1 มิ.ย.66 ตำรวจท่องเที่ยวกาญจนบุรีนำนักท่องเที่ยวสาวชาวลิทัวเนียเข้ามาแจ้งความว่า เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 31 พ.ค.66 ถูกชายคนหนึ่งก่อเหตุใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้เสียได้นำคลิปและภาพถ่ายที่บันทึกไว้ขณะที่เกิดเหตุ และสภาพร่างกายมีร่องรอยการใช้กำลังทำร้าย โดยทางตำรวจท่องเที่ยวได้นำล่ามเพื่อเป็นสื่อกลางในการให้ปากคำ ต่อจากนั้นผู้เสียนำชี้จุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นทางสภ.ศรีสวัสดิ์ได้ประสานกับนายประวัฒน์ พวงทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยรายนี้
ต่อมานายปราโมทย์ ลูกจ้างของอุทยานฯ ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยรับสารภาพในทุกข้อหา หลังจากนั้นชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพัก พบหลักฐานเสื้อยืดสีเทา 1 ตัว เสื้อยืดสีดำ 1 ตัว กางเกงบ๊อกเซอร์ 1 ตัว รองเท้าแตะสีดำ 1 คู่ ที่สวมใส่ตอนก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ ที่ใช้ในวันก่อเหตุ จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ตอนนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นโดยเจตนา
นายปราโมทย์ ให้การว่า ตนไปเจอผู้เสียหายที่บริเวณหน้าป้ายหน่วยลำต้น ตนกำลังจะไปซื้อเทียนที่ร้านค้าข้างบน แต่ไม่มีเทียนขาย จึงไปซื้อที่ร้านค้าข้างล่างก็ไปเจอเขาอีกรอบ จึงบีบแตรทักแซวและก็เปิดไฟเลี้ยวไปทำธุระ ต่อมาเขาขับรถตามเข้ามา ตนจึงทำมือไล่ออกไปว่าเข้ามาไม่ได้ แต่เขาขับตามเข้ามาจนถึงที่ที่จอดรถ ผมก็ทำมือให้วนหัวกลับ เขาทำท่าเหมือนไม่เข้าใจ ผมก็เลยเดินเข้าป่า พอเดินไปได้ 500 เมตร ก็คิดว่าเดินเข้ามาสองต่อสอง คิดว่าจะข่มขืน พอเขาล้ม ตนก็ชะงัก ไม่เอาดีกว่า ส่ายหัวแล้วก็เดินออกจากป่า แล้วผมก็เป็นคนพาเขาออกจากป่าแล้วก็เดินทางกลับไป
“ผมยอมรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง โดยทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่ไม่ได้ทำร้ายแค่ดึงแขนเท่านั้น ขอโทษผู้เสียหาย ขอโทษคนไทยที่ทำให้เสียชื่อ ผมเป็นคนนิสัยไม่ดี ผมผิดคนเดียว คนไทยไม่เป็นอย่างผม ผมขอโทษที่ทำให้คนไทยเสียชื่อ” นายปราโมทย์ยกมือไหว้ขอโทษท้ายสุด
ข่าวแจ้งว่า สำหรับหญิงนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวลิทัวเนียรายนี้ เดินทางเข้ามาพักผ่อนในจังหวัดกาญจนบุรี และได้เช่ารถจักรยานยนต์จากร้านในตัวเมืองกาญจน์ขับขี่ขึ้นไปท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ตามลำพัง โดยเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกเอราวัณ แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำตกปิดให้บริการจึงไม่สามารถเข้าไปได้ หญิงนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวจึงขี่รถจักรยานยนต์ออกมาตามเส้นทางและได้พบกับนายปราโมทย์ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มาพบกันเข้าโดยบังเอิญ
ผู้ก่อเหตุได้พยายามเข้ามาพูดคุยตีสนิทโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ในการแปลภาษา ก่อนจะออกอุบายล่อลวงหญิงนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวว่า ตนรู้ทางลัดที่จะสามารถเข้าไปเที่ยวในน้ำตกเอราวัณได้ หญิงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเห็นว่าชายคนดังกล่าวดูน่าเชื่อถือจึงหลงกลขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป โดยผู้ก่อเหตุให้ จอดรถทิ้งไว้ที่บริเวณบ่อขยะ ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปในป่าละเมาะประมาณ 300 เมตร จากนั้นได้พยายามใช้กำลังล่วงละเมิดและพยายามจะข่มขืนหญิงสาวนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว โดยหญิงสาวนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวพยายามต่อสู้ขัดขืนอย่างเต็มที่จนสามารถวิ่งหลบหนีออกมาได้และขี่รถจักรยานยนต์มาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่
หลังให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวผู้เสียหายได้นำคลิปวีดีโอ ที่สามารถถ่ายภาพของผู้ก่อเหตุจากทางด้านหลังเอาไว้ได้ให้เป็นหลักฐานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ในการออกติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ โดยใช้เวลาไม่นานในการประสานความร่วมมือ กับผู้นำชุมชนในพื้นที่จนได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุทำงานเป็นลูกจ้างของหน่วยราชการในพื้นที่ ทางตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดี ในข้อหากระทำอนาจาร ส่วนทางอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้มีคำสั่งไล่ออกและเลิกจ้างทันที