‘ปลัดสธ.’เผย‘ค่าตอบแทน –ภาระงาน’มีผลบุคลากร แห่ลาออก ยัน สธ.ดูแลดีที่สุด เร่งสางปมแก้ปัญหาระบบ รพ.ศูนย์- รพ.ทั่วไป งานโหลด ย้ำสธ.อยากรับเพิ่มเยอะมาก แต่อยู่ที่ ก.พ.-รัฐบาล เป็นผู้อนุมัติ
เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 6 มิถุนายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์ลาออกจำนวนมาก ว่า ในวันเดียวกันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายบริหาร จะมีการเสนอข้อมูลภาพรวมและเหตุการณ์ที่ประชาชนสนใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงจำนวนหมอที่ลาออกในขณะนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ให้รอฟังจากการแถลงของนพ.ทวีศิลป์ เนื่องจากมีตัวเลขรายละเอียดเยอะ
เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายที่ไม่รับหมอจบใหม่ และบุคลากรเพิ่ม นพ.โอกาส กล่าวย้อนว่า มีด้วยหรือ นโยบายที่จะไม่รับหมอ มีแต่อยากจะรับเยอะๆ อยากรับเพิ่มแต่คนที่จะอนุมัติให้รับเพิ่มคือสำนักงานข้าราชการพลเรือน และรัฐบาล ต้องยอมรับว่าความต้องการรับบริการของประชาชนมีสูง โดยเฉพาะช่วงหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่พยายามจะยกระดับทำงาน แต่มีข้อจำกัดเรื่องบุคลากร
“ต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่อนุมัติบุคลากรการหลังโควิด 45,000 อัตรา ทำให้ความกดดันเรื่องของบุคลากรลดลงแต่ยังไม่หมด เนื่องจากความต้องการรับบริการของประชาชนมีมาก นอกจากนั้นมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ที่ได้รับจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ที่เหมาจ่ายรายหัว ซึ่งเราหวังว่าจะได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นให้เท่ากับที่ต้องบริการประชาชน” ปลัด สธ. กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องงบประมาณ เป็นปัญหาหลักที่ทำให้บุคลากร ลาออกหรือไม่ ปลัดสธ.กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง มีทั้งเรื่องบุคลากร และหากสังเกตทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของกระทรวง สธ. และเราใช้ทรัพยากรทั้งคนและเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดมาบริการประชาชนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เดือดร้อน ต้องขอบคุณ หมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคน ที่เสียสละ ทุ่มเท ทำงานให้ประเทศ และกระทรวง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างดีที่สุด เราจะดูแลจัดการเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพ ได้กำชับเรื่องสวัสดิการและภาระงานไม่ให้เกินไป ที่ดูจากตัวเลขภาระงานค่อยๆลดลง และดีขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่าหมดไป ส่วนที่มีบางจุดที่เป็นปัญหา ก็ค่อยๆแก้เป็นจุดๆไป
“ในสังคมปัจจุบัน ประชาชนที่อยู่ในชนบทตอนนี้มาอยู่ในเมืองเยอะกว่า ทำให้ภาระงานในโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป มีมากกว่าโรงพยาบาลอำเภอ ซึ่ง สธ.พยายามปรับเปลี่ยนตรงนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลโดยยึดถือนโยบายว่าจังหวัดหนึ่งให้เป็นโรงพยาบาลเดียวกัน จะอยู่โรงพยาบาลไหนก็สามารถเคลื่อนย้ายบุคลากรกันได้ เพื่อไม่ให้เกิดภาระงานที่หนักเกินไป” นพ.โอภาส กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาสมองไหลในวงการแพทย์หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เราต้องใช้มาตรการหลายส่วน และการที่บุคลากรจะอยู่ได้ เช่นเรื่องค่าตอบแทนที่ต้องเปรียบเทียบกับภาคเอกชนที่เป็นการดึงดูดใจ และเรื่องสวัสดิการที่กระทรวงเพิ่มค่าตอบแทนและโอที การดูแลเรื่องบ้านพัก กำชับให้สร้างบ้านพักสำหรับหมอพยาบาลให้เพียงพอ และความก้าวหน้าในวิชาชีพ ซึ่งตอนนี้หมอได้ซี 9 ทุกคน ส่วนพยาบาลที่ได้รับราชการพยายามที่จะให้ซี 8 ซี 9 ทุกคน ถ้าทำได้ โดยทั้งนี้ต้องดูระเบียบของ ก.พ. ซึ่งเรื่องของภาระงานยอมรับว่าเป็นเรื่องที่แก้ยาก เนื่องจากความต้องการของประชาชนมีเยอะ แต่ถ้ามีบุคลากรและงบประมาณเพิ่มขึ้นก็จะจัดการได้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นจะมีการแก้ปัญหาที่บุคลาการทางการแพทย์ ลาออกกันจำนวนมากอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า ภาพรวมของบุคลากรที่รับเหมาต่อปีประมาณ 2,000 คน ที่ลาจออกส่วนหนึ่งคือแพทย์เพิ่มพูนทักษะ เมื่อจบแล้วบางคนอยากไปเรียนต่อซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะมีปีละประมาณ 10%และที่กลับเข้ามาใหม่ในระบบตัวเลขถือว่าเป็นบวก ดังนั้นจำนวนบุคลากรที่ขาดแคลนยังมีอยู่ แต่ไม่ถึงกับกดดันมากนัก และอาจมีบางจุดที่เป็นปัญหาเหมือนโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไปกำลังจะมีการปรับเปลี่ยนระบบไม่ให้ภาระงานเยอะจนเกินไป
เมื่อถามย้ำว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์อยากลาออกคือไม่ได้รับการบรรจุหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เราบรรจุเกือบทุกคนที่อยากอยู่กับเรา แต่บางครั้งแพทย์ที่ไม่ได้ใช้ทุน อยู่ในมหาลัยเอกชน หรือแพทย์ที่จบจากต่างประเทศ ที่ไม่มีสัญญาใช้ทุน แต่ถ้าต้องการอยู่กับเรา เราก็จะหาตำแหน่งทางราชการให้
-005