เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม จัดเสวนาหัวข้อ “เชื่อมคน เชื่อมโลก ด้วยพลังการสื่อสาร” ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.ศูนย์คุณธรรมฯ เป็นประธานเปิดงาน ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า ตนเคยได้รับเชิญไปหารือในรัฐสภา ในประเด็นความขัดแย้งจากทัศนคติที่ไม่ตรงกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ และได้รับคำถามมาว่าจะมิวิธีจัดการอย่างไรบ้าง
ซึ่งตนก็ตอบไปว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงและไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการสั่งการได้ จากนั้นได้ตั้งคำถามย้อนกลับไปว่าเมื่อไรจะทำให้ “สุนทรียสนทนา (Dialogue)” เป็นวาระแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมาเวลาจะยกอะไรเป็นวาระแห่งชาติก็มักจะยกสิ่งที่เป็นปัญหา เช่น เด็กติดเกม ความรุนแรง คำถามคือเหตุไดไม่นำประเด็นเชิงบวกมาเป็นวาระแห่งชาติบ้าง โดยสุนทรียสนทนาหมายถึงการสนทนาเชิงบวก ไม่ใช่สนทนาแบบพร้อมบวก
รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวต่อไปว่า วิธีการสร้างสุนทรียสนทนา ประกอบด้วย 1.ต้องมีพื้นที่ปลอดภัยของทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 2.เป็นผู้ฟังที่ดีต่อกัน ซึ่งจากประสบการณ์ที่ตนเป็นแพทย์ดูแลสุขภาพเด็กและวัยรุ่น เคยมีกรณีคนไข้วัยรุ่นหญิงมาปรึกษา ไม่อยากให้พี่เลี้ยงที่บ้านที่ดูแลมาตั้งแต่เกิดลาออกไป โดยบอกว่าชีวิตที่บ้านไม่มีความสุข เว้นก็แต่สิ่งดีๆ ที่มีอยู่บ้างคือพี่เลี้ยงคนนี้ ที่พอคนไข้เล่าให้ฟังแล้วตนก็ทึ่ง เพราะแม้พี่เลี้ยงจะเป็นชาวเมียนมาและไม่ได้มีการศึกษาสูง แต่กลับมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม หนึ่งในนั้นคือการเป็นผู้ฟังที่ดี และมีการสะท้อนความรู้สึกที่ดี
3.กำหนดกติการ่วมกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำหนดเพราะมีอำนาจเหนือกว่า 4.ควบคุมบรรยากาศในการพูดคุยกัน เมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดก็ต้องพัก หากพักชั่วคราวในวันเดียวไม่ได้ก็ต้องให้แยกย้ายไปก่อนแล้วค่อยมาคุยกันวันหลังเพื่อให้อารมณ์เย็นลง และ 5.ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตัดเรื่องอายุออกไป ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใช้อารมณ์ ไม่ใช่อคติตัดสิน หากทำได้ทั้งหมดนี้ก็จะทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการพูดคุยกัน
“อันหนึ่งที่หมอเสนอเขาไว้ก็คือ สุนทรียสนทนาถ้าเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม เช่น อยู่ที่บ้าน บนโต๊ะอาหาร หรืออาจจะเป็นตรงจุดไหนก็ได้ที่แบบสบายๆ มีการกำหนดแล้วก็คุยกัน หรืออาจจะเกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน สถาบันการศึกษา จะเป็น ผอ. กับครู หรือครูกับนักเรียน แล้วมีการคุยร่วมกัน หรือถ้าสามารถเกิดขึ้นในชุมชนได้ด้วย บ้าน ชุมชน โรงเรียน เกิดลักษณะของสุนทรียสนทนา แล้วเกิดขึ้นทั้งประเทศ กระบวนการสุนทรียสนทนาจะช่วยทำให้รับฟังซึ่งกันและกัน หาข้อสรุปร่วม และสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติวิธี” รศ.นพ.สุริยเดว กล่าว
รศ.นพ.สุริยเดว ยังได้ขยายความเรื่องพี่เลี้ยงชาวเมียนมา ที่คนไข้วัยรุ่นหญิงมองว่าเป็นสิ่งดีๆ เพียงไม่กี่อย่างในบ้านและไม่อยากให้ลาออกไปไว้ว่า หลังได้มีโอกาสพูดคุยกันกับพี่เลี้ยงคนดังกล่าว สามารถเรียกได้ว่าเป็น “พี่เลี้ยง 5 ดาว” ด้วยคุณสมบัติ 5 ประการ คือ 1.ใช้ใจในการเลี้ยง เป็นคุณสมบัติที่สำคัญข้อแรก 2.เป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังในทุกเรื่องที่คนไข้วัยรุ่นหญิงรายนี้ ซึ่งพี่เลี้ยงเรียกว่าหลานมาเล่าให้ฟัง
3.สะท้อนความรู้สึกที่ดี บางครั้งเมื่อฟังเรื่องไม่สบายใจแล้วก็หันไปตบไหล่คนไข้เบาๆ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเวลาผ่านไปก็ดีขึ้น 4.ไม่ด่วนตัดสิน มีบางครั้งที่ได้ยินว่าคนไข้วัยรุ่นหญิงรายดังกล่าวไปแกล้งคนอื่น แต่ตนก็ยังไม่ได้ตัดสินในทันทีว่าใครผิด-ใครถูก เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และ 5.สะท้อนความคิด แม้จะไมไดตำหนิโดยตรง แต่ใช้วิธีตั้งคำถามชวนคิด เช่น เมื่อเราไปแกล้งผู้อื่น หากลองคิดย้อนกลับบ้างว่ามีผู้อื่นมาแกล้งเราแล้วเราจะรู้สึกอย่างไร การทำแบบนี้จะกระตุ้นให้ผู้ฟังเกิดการเหลาความคิดขึ้นมา
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี