"พ.ต.ท.มานะพงษ์"สารวัตรสืบฯ ขึ้นศาลเบิกความแผนผังมัด"ทุน มิน ลัต"นักธุรกิจชาวเมียนมา และเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเอี่ยวค้ายา-ฟอกเงิน
วันที่ 15 มิ.ย.ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก คดี ดำ ย.1249/2565 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทุน มิน ลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา,นายดีน ยัง จุลธุระ ,น.ส.น้ำหอม เนตรตระกูล ,นางปิยะดา คำต๊ะ และ บริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) รวม 5 รายเป็นจำเลยทั่ 1-5 ความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ
โดยวันนี้พนักงานอัยการพร้อมกับพยานมาศาลและจัดเตรียมภาพแผนผังประกอบการสืบพยานเกี่ยวเครือข่ายกลุ่มนายทุนมินลัตและกลุ่มย่อยที่เชื่อมโยง
ส่วน นายทุน มิน ลัต และพวก ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นพิจารณา ศาลได้เบิกตัวมาจากเรือนจำ ในชุดนักโทษสีน้ำตาล เพื่อฟังการสืบพยาน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลใกล้ชิด โดยมีญาติชาวต่างชาติและคนใกล้ชิดกว่า 20 คน มาให้กำลัง ใจ ซึ่งศาลได้จัดล่ามแปลภาษาให้จำเลยซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้ฟังโดยเข้าใจด้วย ขณะเดียวกันทางฝ่ายจำเลยเองก็จัดเตรียมล่ามส่วนตัวไว้ด้วย ทั้งนี้ในการสืบพยานศาลก็ได้ใช้ระบบบันทึกคำพยานด้วยภาพและเสียง (e-Hearing)
โดยพนักงานอัยการโจทก์แถลงต่อศาล ขอส่งบัญชีพยานบุคคลและพยานเอกสารเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องเป็นความผิดองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากตนเองเพิ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดใหม่ในสำนวนคดีนี้แทนชุดเก่า ซึ่งทนายความฝ่ายจำเลยคัดค้าน
ศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้นำพยานที่มีส่วนรู้เห็นมาเบิกความให้สิ้นกระแสความ จึงอนุญาตให้ส่งบัญชีพยานบุคคลและพยานเอกสารเพิ่มเติมได้
สำหรับพยานโจทก์ปากแรก ที่อัยการนำสืบในวันนี้คือ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท อายุ 34 ปี เบิกความสรุปว่า ตนเองเป็นผู้สืบสวนจับกุมจำเลยคดีนี้ และเคยเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.2 บก.สส.บช.น. ได้จับกุมผู้ค้ายาเสพติดมาแล้ว 30-40 คดี เชื่อว่าผู้ผลิตยาเสพติดอยู่นอกราชอาณาจักร บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนประเทศไทย ลาว และเมียนมา คดีนี้เริ่มมาจากการจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจำนวน 6 กลุ่ม และมีแผนประทุษกรรมคล้ายกับคดีการจับกุมนายพิทวัส แสงโสภา กับพวกรวม 6 คน ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิต พฤติการณ์ของพวกจำเลยคือ นำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดในประเทศไทย ไปซื้อน้ำมัน แล้งนำกลับไปขายยังประเทศเมียนมา ส่วนคดีนี้พบว่ามีการเอาเงินไปชำระค่าไฟฟ้า ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย เพื่อนำไฟฟ้าส่งออกไปที่ประเทศเมียนมาด้วย
จากนั้นพ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้เบิกความ ประกอบแผนผังขนาดใหญ่ ที่อัยการจัดเตรียมมาให้ ว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลเชื่อมโยงกับ 3 บริษัท คือ บริษัทเมียนมา อัลลัวร์ กรุ๊ป จดทะเบียนที่ประเทศพม่า , บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จดทะเบียนในประเทศไทย,บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จดทะเบียนในประเทศไทย โดยนายทุน มิน ลัต จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการบริษัทเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป , นายดีน ยัง จำเลยที่ 2 เป็นลูกเขยของนายอุปกิต ปาจรียางกูร ทำหน้าที่โอนหลักประกันการซื้อไฟฟ้าทั้ง 3 บริษัท กับบริษัทการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการบริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป รับผลประโยชน์เป็นเงินเดือนจากเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด ส่วนจำเลยที่ 4 เป็นผู้ถือหุ้น บริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) มีหน้าที่นำสลิปไปตรวจสอบการชำระค่าไฟฟ้า
พ.ต.ท.มานะพงษ์ เบิกความอีกว่า การจับกุมยาเสพติดคดีนี้ ได้ยึดโทรศัพท์ของกลางมาตรวจสอบ พบว่า มีข้อมูลการฝากเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด ผ่านตู้ฝากเงินสดอัตโนมัติ หรือ CDM ที่กลุ่มนักค้ายาเสพติดจะเรียกว่า “หย่อนตู้” เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าต้นทางการฝากเงินมาจากใคร ภายหลังการจับกุมและสืบสวนขยายผลไปยัง บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) พบบัญชีการโอนเงินกว่า 500 บัญชี ลักษณะผิดปกติ จึงประสานป.ป.ส.เพื่อตรวจสอบว่าบัญชีที่โอนมาเป็นเงินจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ จากฐานข้อมูลของป.ป.ส.พบว่าเกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเสพติดขนาดเล็กและขนาดกลาง ดังนั้นการทำคดีนี้ตำรวจไม่ได้ทำงานเพียงหน่วยงานเดียว แต่ได้ประสานข้อมูลไปยังกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบการเสียภาษี ประสานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบการจดทะเบียนบริษัท สำนักงานประกันสังคม พบว่าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ประกอบธุรกิจโดยไม่มีลูกจ้าง และประสานกรมศุลกากร ตรวจสอบการนำเงินออกผ่านแดน ที่ปกติการค้าระหว่างประเทศ จะชำระผ่านระบบธนาคาร แต่มีการอ้างสถานการณ์โควิด-19 แล้วชำระเงินผ่านบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราแทน ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง( ตม.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชีการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ภายหลังสืบพยานในช่วงเช้าแล้ว ศาลได้นัดสืบพยานต่อในช่วงบ่าย และกำหนดวันสืบพยานตามที่นัดไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี