โจรใต้ลอบวางระเบิด-ใช้เอ็ม-16 ยิงถล่มซ้ำ คนหาของป่าดับ 1 เจ็บ 2 ในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.สงขลา คาดหวังสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนในชายแดนภาคใต้ ตำรวจเร่งสืบสวนหาผู้กระทำความผิด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มิถุนายน พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส พ.อ.ภานุวัฒน์ สุคชเดช ผบ.ฉก.กรม ทพ.49 ร.ต.อ.เจนณรงค์ หะรังสี รอง สารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง ร่วมเดินทางไปตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแล้วยิงซ้ำ คนหาของป่า เสียชีวิต 1คน ได้รับบาดเจ็บ 2คน เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านฮูลูกูนง ม.5 ต.ดุซงญอ เวลา 17.30น.วันที่ 17มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าตรวจสอบ เกรงคนร้ายจะวางแผนลวงเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบบริเวณพงหญ้ารกทึบริมถนน ซึ่งเป็นจุดคนร้ายลอบวางระเบิด มีหลุมลึก 50ซม.กว้าง 1เมตร มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 กก.จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ ลากสายไฟฟ้าเข้าไปในป่ารกทึบ 100 เมตร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง และห่างจากหลุมระเบิด ประมาณ 10 เมตร พบรถยนต์กระบะแบบตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผต 1229 สงขลา จอดอยู่ในสภาพตัวถังด้านซ้ายถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูพรุน และที่บริเวณเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่พบกองเลือดจำนวนหนึ่ง ส่วนภายในป่ารกทึบริมทางห่างจากจุดระเบิดไปประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม.16 ของคนร้ายตกอยู่ จำนวนกว่า 10 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นายเด่น หลีเหล็บ 62 ปี อยู่บ้าน หมู่ที่ 12 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นคนขับโดยถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณใบหน้า ได้เสียชีวิตอยู่คาพวงมาลัย เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4902 ได้เข้าเคลียร์พื้นที่เบื้องต้นในช่วงเช้า และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลจะแนะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ 1.นายบุญถิ่น ทองบุญเรือง 48 ปี อยู่บ้าน หมู่ที่ 7 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณหน้าอกและเฉี่ยวบริเวณศีรษะ 2.นายสนิท ศาสคุน 62 ปี อยู่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งถูกกระสุนปืนที่บริเวณแขนขวา 1 นัด ชาวบ้านได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลจะแนะ ในช่วงเย็นของวานนี้
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ชาวบ้านทั้ง 4คน ได้นัดแนะชวนกันไปหาของป่าในพื้นที่ อ.จะแนะ ด้วยการเดินทางไปด้วยรถยนต์กระบะ 1คัน รถจักรยานยนต์ (จยย.) 1คัน จนกระทั่งเวลา 17.00น.ทั้ง 4คน เมื่อเสร็จภารกิจนายเด่น ได้ขับรถยนต์กระบะโดยมีนายบุญถิ่น และนายสนิท นั่งอยู่ช่วงกระบะบรรทุกหลัง ส่วนนายนพดล ได้ขี่รถ จยย.กลับบ้านคนเดียวล่วงหน้าไปก่อน จนกระทั่งเวลา 17.30 น.นายนพดล ซึ่งขี่รถจยย.ล่วงหน้าไปก่อน ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวและมีเสียงอาวุธปืนยิงซ้ำ
นายนภดล จึงได้ขี่รถ จยย.ไปยังฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4902 เพื่อให้ตรวจสอบเสียงดังกล่าว เกรงเพื่อนๆ ทั้ง 3คน จะถูกปองร้าย พร้อมได้ใช้โทรศัพท์มือถือโทรประสานไปยังเพื่อนเพื่อสอบถามถึงที่มาที่ไปของเสียงดังกล่าว จนทราบว่าในระหว่างที่ตนเองขี่รถ จยย.ล่วงหน้ากลับมาก่อน เมื่อนายเด่น ขับรถยนต์กระบะถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20กก.ที่ลอบนำไปวางไว้บริเวณพงหญ้ารกทึบริมทาง จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่นายเด่น ขับรถยนต์กระบะผ่าน จนนายเด่น ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณใบหน้าเสียชีวิตคาพวงมาลัย ส่วนนายบุญถิ่น ถูกสะเก็ดระเบิดที่หน้าอกและเฉี่ยวบริเวณศรีษะ และนายสนิท ที่นั่งอยู่ในกระบะบรรทุกหลัง ได้พากันกระโดดลงจากรถแล้วคนร้ายได้ใช้อาวุธปืน เอ็ม.16 ยิงซ้ำถูกนายสนิท ที่บริเวณแขนขวา แล้วทั้ง 2คน ได้วิ่งหลบหนีเข้าไป ไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านให้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อดักสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์รายวันในการสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยจะเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี