ชาวบ้าน 100 กว่าครัวเรือนเดือดร้อนจากการขยายสนามบินตรังถือป้ายตบเท้าของความเป็นธรรมถึง ‘พ่อเมืองตรัง’ หลังถูกกำหนดราคาเวนคืนที่ดินไม่เป็นธรรม ต่ำกว่าราคาจริง ต่ำสุดตารางวาละ 200 บาท เฉลี่ยไร่ละ 8 หมื่นบาท คูณกับค่าดัชนี ทั้งที่ราคาซื้อขายเป็นจริงอยู่ที่ไร่ละหลักล้านบาทต่างวิตกกังวลไม่สามารถไปซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ได้ หวั่นไร้ที่อยู่อาศัย วอนปรับราคาที่เหมาะสม หาก 3 วันไม่มีความคืบหน้าเตรียมยกพลกลับมาใหม่
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ 19 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลาง จ.ตรัง ชาวบ้านใน หมู่ 1,3,7,8,9 ต.ควนปริง และ หมู่ 9, 13 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง และใน ต.ควนธานี อ.กันตัง กว่า 200 ชีวิต ซึ่งมีบ้าน อสังหาริมทรัพย์ และที่ดินอยู่ในเขตถูกเวนคืนในโครงการขยายสนามบินตรัง จำนวน 223 แปลง 100 กว่าครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน ภายหลังจากได้รับความไม่เป็นธรรม จึงมาขอความเป็นธรรมในการกำหนดราคาอสังหาริมทรัพย์ และเงินค่าทดแทนแก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเวนคืนที่ดิน และตีมูลค่าราคาทดแทนที่ต่ำเกินความเป็นจริง จนไม่สามารถรับได้
โดยในวันนี้ได้มีชาวบ้านประมาณ 200 ชีวิตได้เดินถือป้ายเรียกร้อง ที่มีข้อความสื่อถึงความเดือด ร้อนและไม่เป็นธรรมนับ 30 ป้าย พร้อมทั้งยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่มีรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 161 ชีวิต ถึงนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ผ่านทางนายสกุล ดำรงเกียรติกุล ปลัดจังหวัดตรัง เป็นผู้รับหนังสือ โดยมีนายณหทัย สุนทรนนท์ ป้องกันจังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานตรัง ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เข้าร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ ขณะที่ในส่วนของชาวบ้าน ได้มีนายธนพงษ์ สัญวงศ์ กำนันตำบลควนปริง ชาวบ้านหลากหลายอาชีพ เช่น ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น เข้าร่วมในการเรียกร้องในครั้งนี้ด้วย
โดยชาวบ้านได้มีการเรียกร้องพูดผ่านทางโทรโข่งตลอดเวลา ภายหลังจากยื่นหนังสือเสร็จสิ้นทางนายสกุล ดำรงเกียรติกุล ปลัดจังหวัดตรัง ในฐานตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้รับปากว่าจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้งเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในปัญหานี้เพื่อหาทางออก โดยที่ชาวบ้านได้ยื่นคำขาดว่าให้มีการดำเนินการหาทางออกภายใน 3 วันนี้ หากล่วงเลยก็จะรวมตัวกันมาเรียกร้องอีกครั้ง ทำให้เป็นที่พอใจกับชาวบ้าน โดยที่ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น
สำหรับราคาในการเวนคืนตามประกาศคณะกรรมการกำหนดราคาตามพระราชกฤษฏีกา กำหนดเขตที่ดิน ซึ่งได้มีการเรียกประชุมชี้แจงให้ชาวบ้านรับฟังเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา กำหนดราคาประเมินตามกรมธนารักษ์ไว้ว่า พื้นที่ดินไม่ติดถนนตารางวาละ 200 บาท พื้นที่ติดถนนตารางวาละ 260 บาท บางรายติดถนนใหญ่ถนนเส้นเดียวกัน ฝั่งหนึ่งตารางวาละ 1,000 บาท ส่วนอีกฝั่งกันข้ามตารางวาละ 550 บาท เมื่อนำไปคูณกับดัชนีราคา 4.37 แล้ว ราคาก็ยังต่ำมาก ซึ่งชาวบ้านมองว่ามีความเลื่อมล้ำอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากชาวบ้านมีที่ดินจำนวน 1 ไร่ คำนวณคือ 400 ตารางวา ตารางวาละ 200 บาท ก็จะเท่ากับไร่ละ 80,000 บาท คูณกับราคาดัชนี 4.37 แล้วก็อยู่ที่ 349,600 บาทเท่านั้น
นายธนพงษ์ สัญวงศ์ กำนันตำบลควนปริง กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการให้มีการปรับราคาค่าที่ดินให้สูงขึ้น เพราะว่าขณะนี้ทางสนามบินได้ให้ค่าเวียนคืนราคาต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายเป็นจริงหลายเท่าตัว ซึ่งทางผู้ว่าฯ จะมีแนวทางไหนเพื่อให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะขายถูกเวนคืนแล้วก็ไม่สามารถนำเงินไปซื้อที่ดินที่ไหนได้อีกในราคาดังกล่าว หากภายใน 3 วันไม่มีการดำเนินการใดๆชาวบ้านก็จะมาทวงถามอีก เพราะทางสนามบินกำหนดไว้ว่าจะมีการเซ็นสัญญาเวนตามกำหนดราคาดังกล่าวคืนภายใน 30 วัน นับจากวันที่ 14 มิ.ย.ที่ได้มีการประชุมกันทำให้ชาวบ้านต่างวิตกกังวล เพราะไม่สามารถนำเงินจำนวนที่ต่ำดังกล่าวไปซื้อที่ดินอาศัยที่อื่นได้ เพราะราคาที่ดินบางที่ประมาณตกอยู่ไร่ละ 250 บาท เท่ากับได้เงิน 1 แสนบาท แต่ราคาที่มีการประเมินซื้อจริงๆ 2.54 ล้าน ถึง 3.5 ล้าน แต่ราคาก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่ 1 ไร่อยู่ที่ไม่เกิน 6-7 แสนบาทต่อไร่
นางนรินทิพย์ ศรีวิเชียร อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวบ้าน หมู่ 8 ต.ควนปริง ที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ชาวบ้านให้ความร่วมมือในการก่อสร้างสนามบินมาตลอด เพราะอยากเห็นถึงการพัฒนา แต่ผลในราคาที่มีการประเมินเวนคืนมากลับไม่ได้เป็นไปตามราคาที่เป็นจริงและไม่เป็นไปตามที่สนามบินเคยรับปากไว้ว่าจะให้ความเป็นธรรม ซึ่งราคาที่ประเมินมาของตนหาก 1 ไร่ ก็สามารถนำเงินที่ได้เวนคืนไปซื้อได้แค่ดิน 1 ประตู โดยที่เป็นห่วงลูกหลานในอนาคตว่าเขาจะมีที่อยู่อาศัยยังไงและจะไปสร้างรากฐานชีวิตยังไง เพราะต้องแยกกับญาติพี่น้องเพื่อนๆ และชุมชนที่เคยอยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งคำพูดของจ้าหน้าที่ในตอนแรกกับตอนนี้สวนทางกันมาก
นายอธิพัฒน์ สม่าหลี อายุ 41 ปี ข้าราชการครูที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ชาวบ้านให้ความร่วมมือในการก่อสร้างมาตลอด ตั้งแต่เริ่มทำ EIA ไม่มีใครเคยขัดขวาง แต่การที่นำราคาประเมินของกรมธนรักษ์มาเป็นตัวคูณกับดัชนี ราคาต่ำมาก ติดถนนไม่ถึง 1,000 บาทต่อตารางวา ที่ดินอีกแปลง 200 บาทต่อตารางวา ได้ไร่ละ 8 หมื่นบาทนำไปคูณกับดัชนี 4.37 แล้ว ได้เพียงแค่ไร่ละ 4-5 แสนบาท แต่ขายกันจริงๆเป็นล้านบาท ไปซื้อที่ดินที่อื่นก็ยังไม่ได้เลย ซึ่งกังวลว่าหากทางผู้ว่าฯ ไม่มีการช่วยเหลือ จนไปถึงขั้นทำสัญญาเวนคืนตามราคานี้จริงๆ ชาวบ้านก็ต้องไปขออุทธรณ์ซึ่งลำบากและยุ่งยากอีกมาก วันนี้ก็ต้องช่วยเหลือพวกเราที่เป็นผู้เสียสละให้มีการพัฒนา แต่ต้องสูญเสียบ้าน ที่ดิน ที่อยู่กันมาตั้งแต่เกิด แต่กลับไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ได้
สำหรับปัญหานี้ส่งผลให้ชาวบ้าน ที่อาศัยกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไป มีเงินไม่เพียงพอที่จะไปซื้อที่ดินใหม่ หรือแบบเดิม ปริมาณเท่าเดิม ทำเลเดิม สูญเสียโอกาสในการดำรงชีพ เช่นมีสวนยางพารา 10 ไร่ มีรายได้เพียงพอแต่เมื่อถูกเวนคืนในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายกันในท้องถิ่นจริงๆ ก็ไม่สามารถนำไปซื้อที่เดิมใหม่ได้เท่าเดิม รายได้ก็ลดลง ส่งผลต่อสถานะการเงินในครอบครัว กระทบสุขภาพจิต เครียด วิตกกังวล เสียขวัญ หมดกำลังใจ ในปัจจุบันนี้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี