ผู้ว่าฯตรังร่อนหนังสืออำลาตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนเกษียณอายุราชการ 1 ปีสู้คดี GT200 ยันตลอด 40 ปีรับราชการมาไม่เคยด่างพร้อย พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลปกครอง
วันที่ 5 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 หรือประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้มีคําพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 29/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 33/2566 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ในคดีจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด หรือจีที 200 ของสำนักงานจังหวัดยะลา ซึ่งมีจำเลยทั้งหมด 12 รายหลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด โดยนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ขณะนั่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดยะลา ตกเป็นจำเลยที่ 2 ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา กระทั่งล่าสุดวันนี้ (5 ต.ค.) มีรายงานข่าวว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งลงนามให้นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ออกจากราชการ ตามมาตรา 98 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงคดี จีที 200
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการส่งหนังสือจำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 4 ต.ค.66 โดยมีหัวเรื่องว่า "คำกล่าวอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง" เข้าไปยังกลุ่มไลน์หัวหน้าส่วนจังหวัดตรัง กลุ่มไลน์หน่วยงานราชการ โดยมีลายเซ็นของผู้ว่าราชการเซ็นกำกับอยู่ โดยได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่บนศาลากลางจังหวัดตรังว่าเป็นข้อความจริงจาก นายจรศักดิ์ เจริญโสภา ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า
พี่น้องชาว จ.ตรัง และท่านหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตรัง คงแปลกใจที่ ผม นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เขียนคำอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ทั้ง ๆ ที่ผมยังมีอายุราชการอยู่อีก 1 ปี ผมขอเรียนว่า ในช่วงทำงานอยู่ที่ จ.ยะลา ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดยะลา เมื่อปี พ.ศ.2551 ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้แต่งตั้งให้ผมเป็นประธานกรรมการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด อัลฟา 6 จำนวน 2 ชุดเพื่อมอบให้หน่วยงานความมั่นคง จ.ยะลา ไปใช้ในการปฏิบัติงาน เนื่องจากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา มีการวางระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งศาลากลางจังหวัดยะลาก็ถูกวางระเบิดถึง 2 ครั้งทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา จึงได้เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการความมั่นคง จ.ยะลาพิจารณาสนับสนุนเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดแบบพกพา เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับหน่วยงานฝ่ายทหาร ตำรวจ ป.ป.ส.กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งได้จัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในการปฏิบัติงานอยู่ในเวลานั้น
ในปี 2554 ผมและข้าราชการจังหวัดยะลา รวมทั้งส่วนราชการต่าง ๆ ที่จัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนกรณีมีการร้องเรียนว่าเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดใช้งานไม่ได้ โดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนรวม 3 ชุด ซึ่งปรากฏตามข่าวในหนังสือพิมพ์ และคณะอนุกรรมการไต่สวน 2 ชุดแรกได้เสนอความเห็นต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า หน่วยงานและข้าราชการได้จัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ใน การป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่มีเจตนากระทำความผิด และจากการตรวจสอบ เอกสารการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึง จ.ยะลานั้น ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งรายงานความเห็นไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า เป็นกรณีที่บริษัทผู้ขายได้หลอกลวงส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมิได้มีการทุจริตแต่อย่างใด
ในปี 2555 จ.ยะลาได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิด และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า บริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดได้ฉ้อโกง จ.ยะลาตามฟ้อง ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ผู้ซื้อคือ จ.ยะลาและได้ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแสดงให้คู่สัญญาทราบ และให้คืนเงินแก่ จ.ยะลา
ในปี 2564 ซึ่งระยะเวลาการไต่สวนได้ผ่านมาแล้ว 10 ปี คณะกรรมการไต่สวน ชุดที่ 3 ได้มีความเห็นว่า หัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการหลายหน่วยงานที่จัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดดังกล่าวกระทำความผิดทางอาญาและวินัยในการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้หลักฐานการทดสอบเครื่องมือดังกล่าวของศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ. กระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการทดสอบภายหลังจากที่จังหวัดยะลาได้ใช้งานเครื่องมือดังกล่าวไปแล้วหลายปี โดยในระหว่างการใช้เครื่องมือดังกล่าวไม่ปรากฏว่า มีหน่วยงานใดรายงานว่าเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดดังกล่าวใช้งานไม่ได้ นอกจากนั้น เครื่องมือดังกล่าวได้ผ่านพ้นระยะเวลาการรับประกันการใช้งานตามสัญญาแล้วตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
ในส่วนของผมและข้าราชการที่ถูกกล่าวหานั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้ มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง โดยให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ซึ่งข้าราชการ ที่ถูกกล่าวหาและลงโทษครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับล่างและระดับกลาง และตามกฎหมาย ป.ป.ช. ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาต้องมีคำสั่งลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดมา โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดใช้สำนวนไต่สวน ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาใช้ในการลงโทษ และไม่ต้องดำเนินการสอบสวน ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้น ผมจึงต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลปกครองต่อไป ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี และจะทำให้ผมไม่สามารถกลับมารับราชการได้อีก ในท้ายที่สุด แม้ว่าผมจะกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ก็ตาม ผมจึงต้องปฏิบัติตามระบบและขั้นตอน กระบวนการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งที่ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ผมรับราชการมา ผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในการกระทำการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการแต่อย่างใด มีแต่เจตนา และความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน และได้สมัครใจไปปฏิบัติงานที่จังหวัดยะลาซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีการก่อเหตุร้ายและความรุนแรงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว
โอกาสนี้ ผมขอขอบคุณท่านหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล กระทรวง และ จ.ตรังอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากภาคส่วนต่าง ๆ ในวงกว้าง และจังหวัดตรังได้รับรางวัลต่าง ๆ ในระดับประเทศ ระดับภาคในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน จ.ตรัง และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวตรังทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ของ จ.ตรังจนบรรลุผลสำเร็จ มา ณ โอกาสนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อหา นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และมีรายงานข่าวแจ้งว่า นายขจรศักดิ์ น่าจะไม่อยู่ในพื้นที่แล้ว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี