บิ๊กโจ๊ก’จับ‘เพื่อนร่วมรุ่น’  พล.ต.ต.ฉาว  นายทุนเว็บพนัน-ฟอกเงิน

บิ๊กโจ๊ก’จับ‘เพื่อนร่วมรุ่น’ พล.ต.ต.ฉาว นายทุนเว็บพนัน-ฟอกเงิน

วันพฤหัสบดี ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

บิ๊กโจ๊ก’จับ‘เพื่อนร่วมรุ่น’

พล.ต.ต.ฉาว

นายทุนเว็บพนัน-ฟอกเงิน

ชงปปง.สอบอายัดทรัพย์

ทำความชั่วเองไม่มีใครสั่ง

ตร.เค้น‘บอสตาล’เว็บพนัน

“บิ๊กโจ๊ก”แถลงปิดคดี สั่ง จับ“พล.ต.ต.”เพื่อนร่วมรุ่น “นายทุนเว็บพนันกับพวก” ร่วมกันจัดให้เล่นพนันออนไลน์-สมคบกันฟอกเงินชี้ทำชั่วเอง ไม่มีใครสั่งสั่งดำเนินคดีเด็ดขาดทุกคน ส่วนคดี‘บอสตาล’ ผบช.กมค.เค้นสอบ พบเอี่ยวฟอกเงิน เว็บพนัน ชงปปง.ไล่ยึดทรัพย์พันล้าน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.แถลงผลการดำเนินคดีผู้บังคับการ กับพวก ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์และสมคบกันฟอกเงิน ภายหลังทีมแอดมิน อุ้มตัวโปรแกรมเมอร์เว็บพนันไปทำร้ายร่างกายและยึดเงิน เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกับขยายผลจับกุมคดีเว็บพนันออนไลน์ และมีการพิจารณาดำเนินคดีนายตำรวจใหญ่ที่เป็นนายทุนเบื้องหลัง


โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานายเชิดเกียรติ ศักดิ์ศรี อายุ 24 ปี ผู้เสียหายได้เข้าร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกกลุ่มผู้ต้องหา 7 คน อุ้มตัวจากที่พักย่านลาดพร้าว กทม.ไปทำร้ายร่างกายและทวงเงิน รวมทั้งได้เอาทรัพย์สินเป็นเงินสด โทรศัพท์มือถือ และแท็ปเล็ต รวมมูลค่าประมาณ 100,000 บาท โดยมูลหนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ท้องที่ สน.โชคชัย ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ครบทั้ง 7 คน รวมทั้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้ความช่วยเหลือในการค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหายส่งให้กลุ่มผู้ก่อเหตุอีก 1 ราย ตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันดังกล่าว เนื่องจากทางผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าเว็บพนันนี้มีนายตำรวจเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง โดยให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาความเชื่อมโยงและไล่เส้นเงินผู้เกี่ยวข้องแล้วให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทั้งหมด เบื้องต้นในส่วนของคดีปล้นทรัพย์นั้น ได้สรุปสำนวนคดีเสนออัยการพิจารณาแล้ว โดยคดีอยู่ในชั้นศาล ส่วนของสำนวนคดี ป.ป.ช.ซึ่งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์นั้น ป.ป.ช.ได้พิจารณาชี้มูลความผิด และส่งให้ตำรวจ ภ.จว.สระแก้ว ดำเนินการแล้ว

พร้อมกันนี้ ทางชุดสืบสวนได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว พบว่าเว็บไซต์การพนันที่เกี่ยวข้องมี 3 เว็บไซต์ ได้แก่ sexy789 red789 และ blue789 มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งแอดมิน การจัดหาบัญชีม้า และเปิดบัญชีม้า ซึ่งเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติม 9 ราย และจับกุมตัวได้ทั้งหมด ประกอบด้วย 1.พล.ต.ต.เอกภพ อายุ 52 ปี (เจ้าของเว็บ)เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 2.พ.ต.อ.ปวริศ อายุ 41 ปี (จัดหาบัญชีม้า) 3.น.ส.พัชวัญญ์ อายุ 39 ปี (แอดมิน) 4.นายมนตรี อายุ 39 ปี (แอดมิน) 5.น.ส.อมรรัตน์ อายุ 26 ปี (จัดหาบัญชีม้า) 6.นายสนธิ์ อายุ 57 ปี (บัญชีม้า) 7.นางวันเพ็ญ อายุ 59 ปี (บัญชีม้า) 8.นายคมเดช อายุ 32 ปี (บัญชีม้า) และ 9.น.ส.กนกวรรณ อายุ 37 ปี (บัญชีม้า)

ทั้งนี้ ดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ โดยการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่ของทรัพย์สินนั้นหรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ว่าในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนี้ยัง ได้ส่งเรื่องให้ทาง ป.ป.ง.พิจารณาดำเนินการในการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อยึดอายัดไว้ในขั้นต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเผยอีกว่า เรื่องเว็บพนันจะเห็นว่า ผลประโยชน์ลงตัว ระหว่างตำรวจกับเจ้าของเว็บ เพราะมีการจ่ายเงินรับเงิน จึงไม่ค่อยมีเรื่องมา แต่เมื่อมีเรื่องมักเกิดจาก การขัดแย้งกันเอง ทะเลาะกันเอง จึงเอาเรื่องต่างๆมาแฉ และเมื่อถูกแฉมีหลักกฐาน ตำรวจก็ต้องจับ อย่างเรื่องของชลบุรี ทำมานานแล้ว แต่เดิมไม่มีปัญหา เพราะมันลงตัว แต่ตอนนี้เกิดการรีดไถกันมากเกินไป มีข่มขู่ครอบครัวของผู้ต้องหา จนทำให้ผู้ต้องหาเองก็หลังพิงฝาและต้องสู้ รู้ทั้งรู้ว่า ถ้าตัวเองมาแจ้งตำรวจก็จะถูกดำเนินคดีด้วย แต่วันนี้ก็ยอมทิ้งบอม เพราะตกลงกันไม่ลงตัว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยัน เรื่องเว็บพนันต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับ ผู้ช่วย ผบ.ตร หรือ รองผบ.ตร คนไหน เพราะไม่มีใครสนับสนุนลูกน้องให้ทำแบบนี้ เรื่องเว็บพนันมีเงินจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ล่อตาล่อใจ การดำเนินคดีเว็บพนันที่ชลบุรี ก็ไม่เกี่ยวกับ ผู้ช่วย ผบ.ตร หรือ รองผบ.ตร คนไหน แต่เกิดจากลูกน้องกระทำความผิด เมื่อลูกน้องรู้ว่าตัวเองไปไม่รอด ก็พยายามทำให้นายทะเลาะกัน ตัวเองทำชั่วเอง แต่พอมีเรื่อง ก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นพยายามโยงประเด็นเรื่องการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร บ้าง ลักษณะนี้เรียกว่าลูกน้องชั่วซ้ำซาก ชั่วเพราะตัวเอง เมื่อถูกจับแล้ว ก็ต้องยอมรับสารภาพ ไม่ใช่ไปโทษคนอื่น เพราะฉะนั้นชั่วแล้วก็ต้องยอมรับสารภาพว่าชั่วจริง ไม่ใช่มากระทำผิดจนเป็นความชั่วซ้ำซาก

รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า หลังจากมีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในการอุ้มผู้เสียหายเพื่อทวงเงินได้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลดำเนินคดีกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว โดยได้ข้อมูลจากผู้เสียหาย ว่า มีนายตำรวจอยู่เบื้องหลัง การดำเนินการ ตนจึงได้กำชับให้ทั้งฝ่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ให้นำตัวผู้เกี่ยวข้อง มาดำเนินคดีทุกราย แม้ว่าจะเป็นตำรวจยศใดก็ตาม ขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาครบทุกคน ไม่มียกเว้นอย่างแน่นอน

ด้านความคืบหน้ากรณีจับกุม นายพงษ์ศิริ หรือบอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอลชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน ร่วมกันฟอกเงินและข้อหาอื่นๆ รวม 4 ข้อหา โดยพบว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค.ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 4 ได้เดินทางมาที่ สน.มักกะสัน เพื่อร่วมสอบปากคำบอสตาล ด้วยตนเอง

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าว่า ประเด็นการสอบสวนก็จะสอบเกี่ยวกับการเริ่มดำเนินธุรกิจและอาชีพ ที่มาทีไปของการทำธุรกิจ แหล่งที่มาของรายได้ว่าถูกกฎหมายหรือไม่ โดยเบื้องต้นพบว่ามีการเปิดให้เล่นพนันกันมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งตำรวจ บก.ปอท.เริ่มสืบสวนคดีมาตั้งแต่ปี 2560 จนปี 2563-2564 ได้ส่งรายงานมายังตำรวจ PCT และรับเรื่องมาดำเนินการต่อ กระทั่งสามารถดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับและจับกุมตัวมาดำเนินคดีดังกล่าว ยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับบอสตาลกับพวก 3 ราย โดยยังคงมีผู้ต้องหาที่เป็นลูกน้องบอสตาล หลบหนีอีก 1 ราย ยังอยู่ระหว่างติดตามตัว และยังไม่แน่ชัดว่าหลบหนีไปต่างประเทศแล้วหรือไม่

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าบอสตาล เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการเล่นพนันและฟอกเงิน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาและเว็บไซต์พนัน ส่วนการยึดอายัดทรัพย์สิน รวมถึงสนามฟุตบอลนั้น อยู่ระหว่างประสานให้เจ้าหน้าที่ ปปง.ตรวจสอบ หากพบว่าสโมสรฟุตบอลนั้นสร้างขึ้นจากเงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย ก็จะทำการอายัดทันที

ส่วนที่ต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาจาก จ.พะเยา มาสอบที่ สน.มักกะสัน เนื่องจากเป็นพื้นที่แรกที่เจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อมูลทางเทคนิคและได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ ซึ่งในเรื่องการพนันออนไลน์ปัจจุบัน พ.ร.ก.การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถดำเนินการได้ทุกท้องที่

“ในส่วนของการเชื่อมโยงเครือข่ายของบอสตาล อยู่ระหว่างการสืบสวนเพราะเว็บพนันมีการใช้ชื่อหลายชื่อ หรือภาษาตำรวจเรียกว่ามีหน้ากาก แต่ช่องทางการเข้าถึงมีไม่กี่ช่องทางที่เข้าถึงได้ ส่วนเว็บพนันพบว่ายังเข้าได้อยู่ เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนชื่อ” พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าว

ผบช.กมค.กล่าวอีกว่า สำหรับน้องชายของบอสตาล จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งให้ดำเนินการเด็ดขาดหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงก็ต้องดำเนินคดีทุกราย ส่วนในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาจะยื่นเรื่องขอประกันตัว ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สำหรับทรัพย์สินของบอสตาล ที่คาดว่าจะต้องถูกยึดคือสโมสรฟุตบอล เนื่องจากพบว่าได้เข้าซื้อสโมสรฟุตบอล เพื่อบังหน้าธุรกิจอื่นใช้ในการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่นๆ เช่น บ้าน ที่ดินในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จ.ลำพูน พะเยา และเชียงราย รถหรูอีกหลายคัน รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มสารวัตรซัว ด้วยหรือไม่

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top