"ดิไอคอน"ยังไม่จบ! "DSI"ลุยภาคต่อ เร่งสอบผู้เสียหายในประเทศกว่า 300 ราย และผู้เสียหายในตปท.10 ประเทศ เป็นความผิดนอกราชฯ ฐานฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบสวนกรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีพิเศษที่ 119/2567 และได้ส่งสำนวนการสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องบริษัทดิไอคอนฯ กับพวกรวม 19 ราย ไปยังพนักงานอัยการแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567
ในคดีดังกล่าวยังมีผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดที่ลงทุนในต่างประเทศ 10 ประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย และยังมีผู้เสียหายในประเทศที่ยังไม่ได้สอบสวนอีกกว่า 300 ราย ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษอนุมัติให้แยกสำนวนการสอบสวนซึ่งเป็นคดีต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษที่ 119/2567 ให้สอบสวนเป็นคดีพิเศษอีก 3 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 16/2568 ดำเนินคดีฐานความผิดฟอกเงิน คดีพิเศษที่ 17/2568 คดีนอกราชอาณาจักรฯ และคดีพิเศษที่ 18/2568 สำหรับผู้เสียหายในประเทศ โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งมอบหมายให้คณะพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุดรวม 6 ราย นำโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุดเข้าร่วมสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว
เมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม 2568) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เปิดเผยว่า กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ได้จัดประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการร่วมสอบสวน โดยมีการวางแนวทางการสอบสวนผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดที่ลงทุนในต่างประเทศ 10 ประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประสานให้มีการสอบสวนผู้เสียหายผ่านกฎหมายพระราชบัญญัติความร่วม มือทางอาญาระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 ไปยังประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศสวีเดน ประเทศออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ที่มีผู้เสียหายพำนักอยู่ รวมทั้งเร่งรัดวางแผนการสอบสวนพยานผู้เสียหายและตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก และประสานงานกับสำนักงาน ปปง.ในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีการอายัดภายใต้คดีพิเศษที่ 119/2567 และส่งมอบให้สำนักงาน ปปง.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ก่อนหน้านี้ด้วย โดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้ขอให้คณะพนักงานสอบสวนเร่งรัดในการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว หากการสอบสวนปรากฏพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงแม่ทีมที่เข้าข่ายเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด ก็จะได้ร่วมกันพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 18/2568 พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กล่าวถึงกรณีมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่เคยแจ้งความร้องทุกข์ หรือไม่เคยดำเนินคดี ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้ประกาศให้ผู้เสียหายร้องทุกข์และลงข้อมูลในระบบฐานข้อมูลคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ได้มอบหมายให้ น.ส.ปริมณ์ สาริยา ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2 ส่งประเด็นการสอบสวนไปยังกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเพื่อดำเนินการสอบปากคำ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายของผู้เสียหายในการเดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งในทางสืบสวนพบหลักฐานการชักชวนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่เข้าลักษณะเป็นแม่ทีมที่ชักชวนและได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนมากหากปรากฏพยานหลักฐานที่ชัดเจน ก็จะประชุมมีมติเรียกบุคคลเหล่านั้นมาแจ้งข้อกล่าวหาโดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบจะแจ้งความคืบหน้าของการดำเนินการให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
ทั้งนี้ การดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษให้มีความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม เป็นนโยบายหลักของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสอบสวนคดีพิเศษและให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ศรัทธาของสังคม ในการป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวนคดีในความรับผิดชอบ เพื่อให้การบริหารองค์การมีความยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี