“ชัชชาติ” ลั่น ไร้สาระ! ทีมชช.ไม่มีสั่งเปลี่ยนแบบสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังถล่ม เตือนนำเข้าข้อมูลเท็จผิดกฎหมาย สั่งเคลียร์พื้นที่เปิดจราจรใน 3 วัน วสท.ช่วยตรวจสอบสาเหตุ ถ้า บ.รับเหมาผิดจริงต้องแบล็กลิสต์

วันที่ 11 ก.ค.2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงกรณีเหตุการณ์โครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง ในพื้นที่เขตลาดกระบังถล่มเมื่อเย็นวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา มี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล และนางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วย นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรีผู้อำนวยการสำนักการโยธา ร่วมชี้แจงข้อมูล ณ อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม. (ดินแดง) 

นายชัชชาติกล่าวก่อนเริ่มแถลงว่า“ตามที่มีข่าวว่าทีมชัชชาติให้มีการเปลี่ยนแบบ ยืนยันไม่มีประเด็นอะไร เป็นเรื่องไร้สาระ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องการก่อสร้างปกติ ผู้รับเหมามีการทำที่ล่าช้าได้มีการขอเปลี่ยนวิธีก่อสร้างมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่มีที่เราไปสั่งเปลี่ยนอะไร การสื่อสารอะไรก็ขอให้ดูด้วยความถูกต้องด้วย ถ้านำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จทางออนไลน์ก็มีความผิดตามกฎหมาย ผมว่าอย่าไปสร้างความสับสนให้กับสังคม และขอให้เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆที่ออกมาพูด ยืนยัน ไม่ได้มีเรื่องพวกนี้เลยเป็นขั้นตอนกระบวนการทางวิศวกรรม เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปสั่งให้ทำเสี่ยง”

โดยเป็นโครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง โดยกิจการร่วมค้า ธาราวัญ-นภา ประมูลมาตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ถึง 11 สิงหาคม 2566 วงเงิน 1,664.55 ล้านบาทต่ำกว่าราคากลางที่ 1,665 ล้านบาท เป็นทางยกระดับ 4 ช่องจราจร ความยาวรวม 3,500 ม. มีการปรับปรุงสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองหนองปรือ และก่อสร้างระบบระบายน้ำ-ไฟแสงสว่าง และมีโครงการของการไฟฟ้าอีก 200 กว่าล้านบาท 

เกิดเหตุเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2566 เวลา 17.40 น. ที่หน้าปั๊มน้ำมันปตท. ถนนหลวงแพ่ง เขตลาดกระบัง โครงสร้างสะพาน (Box Segment) วิบัติขณะดึงลวดอัดแรง ส่งผลให้ Launching Truss เสียสมดุล และล้มพับกับโครงสร้างสะพานพังลงมามีความเสียหาย 1 ช่วงสะพาน เสาพัง 2 ต้น (Pier84-Pier83) ชิ้นส่วนสะพาน และ Truss กีดขวางช่องจราจรฝั่งขาเข้า
ทั้ง 2 ช่องจราจร คนงานชุดปฏิบัติงานดึงลวดอัดแรง 13 คน และชุดปฏิบัติงานติดตั้งชิ้นส่วนสะพาน 7 คน ได้รับบาดเจ็บ รักษาอยู่รพ.จุฬารัตน์ 9 คน รพ.ลาดกระบัง 2 คน มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน เป็นวิศวกรที่ทำเรื่องดึงลวด และอีก 1 คน เป็นคนงานไปเสียชีวิตที่ รพ.จุฬารัตน์ ไม่มีบุคคลทั่วไปได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการตั้งแต่เมื่อคืนแล้วให้เตรียมรื้อถอน โดยให้ผู้รับเหมาเข้ามาดู ดำเนินการรื้อ Truss ด้านบน น้ำหนักประมาณ 7 ตัน 4 ชิ้น และรื้อ Main Truss 2 ชุด แบ่งเป็น ชุดละ5 ชิ้น น้ำหนักประมาณ 30 ตัน จากนั้นให้ตรวจสอบโครงสร้าง Box อัดแรง เพื่อเข้าตรวจสอบสาเหตุและวางแผนการรื้อถอน กำหนดเคลียร์พื้นที่เบื้องต้นให้เสร็จใน 3 วัน เพื่อเปิดการจราจร ในส่วนของสาเหตุเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างที่มีความผิดพลาด ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดโดยให้ผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) มาช่วยสำรวจว่าเกิดจากตำแหน่งไหนเพราะอะไร เรื่องความเสียหายนั้นจะมีทางประกันภัยเข้ามาดู ตอนนี้ต้องรีบเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน ส่วนผู้เสียหายมีบริษัทผู้รับเหมารับผิดชอบอยู่แล้ว

“ต้องดูแลทุกโครงการอย่างเข้มข้นด้วยความละเอียด ที่ผ่านมา กทม.เรามีความเสียหายหนักไปครั้งหนึ่งแล้วที่อุโมงค์บึงหนองบอน ซึ่งก็มีปัญหายังทำไม่สำเร็จเลย เป็นบทเรียนที่ สนย.จะทำให้ละเอียดเข้มข้นขึ้น ไม่เฉพาะโครงการของกทม. รวมไปถึงของหลายหน่วยงานที่ก่อสร้างอยู่ทั้ง รฟม. การทางพิเศษฯต่างๆ ส่วนผู้รับเหมา 2 เจ้านี้จะมีการขึ้นแบล็กลิสต์หรือไม่ต้องไปดูกระบวนการกฎหมาย ถ้าผิดจริงต้องไม่ให้เข้ามาประมูลได้อีก ไม่ใช่ทำผิดแล้วคราวหน้ามาทำใหม่” นายชัชชาติ ระบุ

ส่วนประเด็นการเปลี่ยนวิธีก่อสร้างนั้น ผอ.สนย. ชี้แจงว่า การประกวดราคาใช้เป็นรูปแบบหล่อในพื้นที่ แต่ได้เปิดทีโออาร์ไว้ว่าสามารถใช้รูปแบบหล่อสำเร็จได้ ในช่วงต้นผู้รับจ้างจะใช้รูปแบบหล่อในพื้นที่แต่เป็นวิธีเก่าที่ส่งผลกระทบการจราจรและใช้เวลานานประกอบกับการก่อสร้างล่าช้ามาจากช่วงโควิดปี 2564 ที่ต้องหยุดไป บริษัทจึงได้ขอเปลี่ยนรูปแบบเองเมื่อตุลาคม 2565 เป็นการหล่อสำเร็จยกมาติดตั้งในสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งเป็นวิธีทั่วไปที่ทำกัน ส่วนคุณสมบัติของบริษัทผู้รับจ้างที่มาประกวดราคา เราได้กำหนดผู้เข้าประกวดราคาไว้ว่าต้องมีผลงานการก่อสร้างสะพานในลักษณะเช่นนี้ ไม่น้อยกว่า 500 ล้าน ต่อ 1 สัญญา เพื่อนำมาพิจารณาว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมซึ่งบริษัทนี้มีการจดทะเบียนไว้กับกรมบัญชีกลางชั้นพิเศษด้วย