กระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่อุดรธานี จัดมหกรรมยกขบวน 16 หน่วยงานภาคีเครือข่าย ภาครัฐ-เอกชน-สถาบันการเงิน นัดรวมครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคอีสาน แก้หนี้ครู ให้ความรู้เรื่องการเงิน หวังปรับความสมดุลหนี้ครูทั้งระบบอย่างยั่งยืน เผยช่วยแก้หนี้ครูทั่วประเทศได้แล้วเกือบ 2,000 ล้านบาท
วันนี้ (15 ก.ค.66) ที่ห้องประชุม โรงแรมสยามแกรนต์ จ.อุดรธานี กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นำโดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นางคณิตา ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และผู้บริหาร ศธ.ร่วมถึง 16 หน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐภาคเอกชน สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย ร่วมงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a better life” 4 ภูมิภาค ครั้งที่ 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ห้องประชุมสยามมนต์ตรา คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมสยามแกรนด์ อุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มุ่งแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ระดับภูมิภาค ด้วยการจัดมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a better life” สร้างโอกาสใหม่เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า 4 ภูมิภาค 5 จังหวัด โดยเดินทางมาถึงครั้งสุดท้าย นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อต้นปี 2566 ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2566 ซึ่ง ศธ.ร่วมมือกับ 16 หน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน กระทรวงการคลัง กรมบังคับคดี และสถาบันการเงินชั้นนําของประเทศไทย รวมทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างจริงจังทั้งระบบ
โดยความสำเร็จของการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ครั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีครูได้รับการไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 626 คน แก้ไขหนี้ได้กว่า 785 ล้านบาท ภาคตะวันออก ที่จังหวัดสระแก้ว มีครูได้รับการไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 143 คน แก้ไขหนี้ได้กว่า 175 ล้านบาท ภาคเหนือ ที่จังหวัดพิษณุโลก มีครูได้รับการไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 199 คน แก้ไขหนี้ได้กว่า 274 ล้านบาท และล่าสุดภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีครูได้รับการไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 393 คน แก้ไขหนี้ได้กว่า 615 ล้านบาท
“ภาพรวมตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ มีครูที่ได้รับการช่วยเหลือแบบพุ่งเป้า มีการเจรจาไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้แล้วจำนวน 1,361 ราย แก้ไขหนี้ได้กว่า 1,849 ล้านบาท รวมถึงอบรมให้ความรู้วินัยการเงินสำเร็จแล้วกว่า 6,500 ราย ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันผลักดันงานนี้เพื่อให้ครูไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและถึงงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยครั้งนี้จะเดินทางมาเป็นจังหวัดสุดท้าย แต่ ศธ.ยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาความเดือนร้อนของครูไทยทั้งระบบให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะขยายผลการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคมากขึ้น รวมถึงตั้งเป้าหมายฝึกอบรมหลักสูตรความรู้ทางการเงินให้ครูไทยทั่วประเทศต่อไป เพื่อให้ครูไทยมีระเบียบวินัยทางการเงินที่เข้มแข็ง มีสภาพคล่องทางการเงินที่สมดุลในการจัดการภาระหนี้สิน และมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นได้จริง" นางสาวตรีนุช เทียนทอง กล่าว
นายสุทิน แก้วพนา รองปลัด ศธ.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานภาคอีสาน ครั้งที่ 5 ที่จังหวัดอุดรธานี ศธ.มีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูระดับพื้นที่ทั้งระบบอย่างยั่งยืน ใน 3 มิติ โดยมิติแรกเน้นการอบรมให้ความรู้ทางการเงินในด้านการออม การลงทุน การบริหารจัดการหนี้ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในหัวข้อต่าง ๆ เช่น จัดการเงินดี Happy แน่นอน, รู้คิดพิชิตหนี้, รู้ทันภัยการเงิน เพื่อให้ครูสามารถวางแผนการเงิน-การลงทุน-ภาษี บริหารรายรับ-รายจ่าย และจัดการหนี้สินของตนเองและครอบครัวได้ มิติที่ 2 เปิดให้คำปรึกษา เจรจา ไกล่เกลี่ย ปรับโครงสร้างหนี้ หาข้อยุติการบังคับคดีและแก้ไขปัญหาหนี้สินให้ครูไทยเข้ารับบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงได้รับการผ่อนปรนและสิทธิพิเศษจากสถาบันการเงินเป็นกรณีพิเศษ และมิติที่ 3 เร่งผลักดันและดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ได้กำหนดไว้เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูให้ยั่งยืน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี