ครูและนักเรียนศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) บ้านสะเนพ่อง หมู่ 1 ต.ไล่โว่อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ร่วมกิจกรรมดำนากับชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียนรู้สำคัญ หนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอน สาขาวิชามรดกศึกษา ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องชุมชนของตนเอง เช่น ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ของชุมชน วัฒนธรรม ภาษา ประเพณี วิถีชีวิตธรรมชาติ องค์ความรู้เรื่องการทอผ้า ยาสมุนไพร เพื่อการอนุรักษ์ และการต่อยอดเพื่อนำไปปรับใช้ได้จริงในอนาคต ซึ่งกิจกรรมดำนาในวันนี้ เป็นการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำโดยมีคุณลุง-คุณป้าที่เป็นชาวนาตัวจริงมาทำหน้าที่ครูภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ความรู้ ในเรื่องการทำนา ตั้งแต่ขั้นตอนไถนา การเตรียมนา การปล่อยน้ำเข้านา การหว่านกล้า การดูแลต้นกล้า การถอนต้นกล้า ไปจนถึงขั้นตอนการนำต้นกล้ามาดำลงไปในนาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งบรรยากาศการเรียนรู้ที่มีทุ่งนาเป็นห้องเรียน มีคุณลุง-คุณป้า เป็นคุณครู มีน้ำและโคลนให้ได้เหยียบย่ำ สร้างความสนุกและรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ทุกคน แม้อากาศจะร้อนแต่ลมชายทุ่งที่พัดหอบเอาความชื้นจากชายป่ารอบๆที่นา ก็ช่วยคลายร้อนและสร้างความสุข เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กๆ ได้เป็นภาพที่ทำให้คุณตา คุณยาย คุณลุง คุณป้า และเพื่อนบ้านที่มาร่วมกันลงแขกดำนามีรอยยิ้ม มีความสุข ที่ได้เห็นลูกหลานในชุมชนมาร่วมสืบสานการทำนา เนื่องจากปัจจุบันเด็กๆ น้อยคนที่จะสนใจที่จะเรียนรู้ เนื่องจากมองการทำนามีความยากลำบาก ต้องรอฟ้าฝน ต้องตากแดดตากฝน เปื้อนโคลน บางปีได้ผลผลิตน้อย ไม่เพียงพอ ไม่คุ้มค่าหากจะยึดเป็นอาชีพ
ทั้งนี้ นายชาญชัย สังขธิติ ครูศูนย์การเรียนศรีสุวรรณสะเนพ่อง เปิดเผยว่า กิจกรรมดำนาของเด็กๆ ในวันนี้เป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนของศูนย์การเรียนฯ สาขาวิชามรดกศึกษา ที่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับชุมชนของตนเอง เช่น ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชน ประเพณี วัฒนธรรม ภาษา (กะเหรี่ยง) วิถีชีวิต ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม ความรู้ที่ได้รับในวันนี้นักเรียนสามารถนำไปปรับใช้ได้กับชีวิตจริง และจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต
วันนี้นอกจากได้รับการสอน การชี้แนะจากปราชญ์ชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองของเด็ก เด็กๆ ยังได้ลงมือทำจริง เมื่อกลับไปโรงเรียนนักเรียนยังต้องกลับไปร่วมกันถอดบทเรียนที่ได้จากการเรียนรู้ในวันนี้ว่าเด็กๆสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง โดยเขียนเป็นใบงานส่งครู เพื่อให้ครูใช้ประเมินความสัมฤทธิ์ของตัวนักเรียนต่อไป
ด้าน ด.ญ.สุริยา สังขธิต และ นายธันวา นันท์กาญจน์ นักเรียนศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง(วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) ร่วมเปิดเผยว่า รู้สึกดีใจ และสนุกที่ได้มาเรียนรู้การทำนา ในวันนี้ต้องขอบคุณ คุณลุง คุณป้าครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่กรุณาและช่วยสอนวิธีการดำนา การดำนาต้องมีระยะห่างของแถวประมาณเท่าไหร่ ความลึกที่ต้องใช้มือกดรากของต้นกล้าลงไปในดินควรประมาณเท่าไหร่ จำนวนต้นกล้าที่จะใช้ดำนาต้องจำนวนเท่าไหร่
ซึ่งทุกอย่างถ้าไม่รู้ก็จะไม่สามารถทำได้ ปกติที่บ้านพ่อแม่จะทำไร่ข้าว ซึ่งมีความแตกต่างกับการทำนา เนื่องจากไร่ข้าวไม่ต้องใช้น้ำอาศัยเพียงน้ำฝนในธรรมชาติ การทำไร่มีความยุ่งยากและลำบากกว่าการทำนา เนื่องจากต้องคอยกำจัดหญ้าซึ่งเป็นวัชพืชด้วยวิธีการใช้มีดดายหญ้าแล้วนำไปทิ้งไว้ข้างๆ ไร่ อย่างน้อย 2-3 ครั้ง ตั้งแต่การหยอดข้าวจนถึงก่อนที่ข้าวจะเกี่ยวได้ แต่การดำนาไม่ต้องยุ่งยากแบบนั้น เพียงแค่ดูและควบคุมปริมาณน้ำภายหลังการดำนา ในอนาคตหากตนเองมีนาก็อยากจะทำ เนื่องจากคิดว่าความรู้ที่ได้ในวันนี้จะสามารถนำไปทำนาของตนเองได้ในอนาคต
สุพจน์ แก้วกาสี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี