น้ำโขงวิกฤต!

‘เลย’ปลาน็อกน้ำตายอื้อ

นครพนมลุ้นจ่อล้นตลิ่ง

กรมอุตุฯชี้ทั่วไทยยังมีฝนหนัก ส่วน จ.เลย น้ำโขงเอ่อล้น ปลานิลในกระชังน็อกน้ำกว่า 50 กระชัง ขณะที่ จ.นครพนม อ่วมน้ำโขงเพิ่มระดับเข้าขั้นวิกฤต จ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ จับตาเขื่อนจีนปล่อยน้ำเพิ่มอีก

เมื่อวันที่ 10สิงหาคม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มสำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง คลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง “ขนุน” (KHANUN) มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณคาบสมุทรเกาหลี ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 2 เชียงคาน จ.เลย ระบุว่า ขณะนี้ได้แจ้งเตือนพื้นที่ โดยมีอำเภอเชียงคาน ปภ.จังหวัด สสจ.รวมทั้งกลุ่มไลน์ในชุมชน ให้ทราบถึงระดับน้ำโขงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งทางกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้มีหนังสือแจ้งเตือนว่าระดับน้ำที่สถานีเชียงคาน จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 10-15 สิงหาคมนี้ หากระดับน้ำเพิ่มสูงถึงระดับ 14.50 เมตร จะเอ่อท่วมและไหลย้อนลงลำห้วยสาขาต่างๆ ทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ซึ่งอำเภอเชียงคานได้แจ้งเตือนชาวบ้านที่อาศัยริมตลิ่งแม่น้ำโขง และตามแม่น้ำสาขา ในหลายตำบล ไปจนถึง อ.ปากชม

นอกจากนี้ยังพบว่าระดับน้ำโขงที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ปลานิลที่มีการเลี้ยงไว้ในหลายๆ หมู่บ้านในพื้นที่ ต.ปากชม อ.เชียงคาน จ.เลย กว่า 50 กระชัง ต้องน็อกน้ำตายจากการขาดออกซิเจน จนมีการโพสต์ข้อมูลลงในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้มีการช่วยรับซื้อปลานิลในกระชังแม่น้ำโขง ในราคากิโลกรัมละ 50 บาท เป็นการช่วยลดผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน

ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำโขงที่เพิ่มระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่าระดับน้ำสูงประมาณ 11 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งเพียง 1 เมตร ส่งผลกระทบกับลำน้ำสาขาสายหลัก ได้แก่ ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม ซึ่งระบายน้ำออกไม่ทัน โดยลำน้ำอูน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มีปริมาณเกินความจุประมาณ ร้อยละ 40 ส่วนลำน้ำสาขาสายอื่น เริ่มประสบปัญหาไหลระบายลงน้ำโขง ได้ช้า จนเอ่อล้นท่วมนาข้าวของเกษตรกร ในพื้นที่ติดกับลำน้ำ ซึ่งพบว่ามีผลกระทบแล้วเกือบ 10,000 ไร่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจและให้การช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน ทางชลประทานจังหวัดนครพนม ได้เร่งประเมินสถานการณ์น้ำในลำน้ำสาขาสายหลัก เช่น ลำน้ำก่ำที่ระบายจากทะเลสาบหนองหาร จ.สกลนคร ลงสู่แม่น้ำโขงที่ อ.ธาตุพนม รวมถึงลำน้ำอูนที่ระบายจากเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร ลงมาสมทบกับลำน้ำสงครามอ.ศรีสงคราม ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ปากน้ำไชยบุรี ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยลำน้ำสาขาต่างๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำโขงที่หนุนสูง จึงเตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อผันน้ำจากประตูระบายน้ำ ในลำน้ำสาขารับมือน้ำเอ่อท่วม รวมถึงปิดประตูระบายน้ำที่ไหลลงน้ำโขงทุกจุด เพื่อป้องกันน้ำโขงไหลเข้าท่วมชุมชน

นายศาสตรา พรหมรักษ์ ผอ.โครงการชลประทานนครพนม เปิดเผยว่า น้ำจากเขื่อนในประเทศจีน ขณะนี้ยังมาไม่ถึง คาดว่าภายในต้นสัปดาห์หน้า มวลน้ำดังกล่าวจะไหลมาสมทบกับน้ำที่เขื่อนในประเทศลาว ก่อนจะถูกปล่อยลงมา ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission : MRC) คาดการณ์ว่าระดับน้ำโขงจะเพิ่มขึ้น 3-4 เมตร โดยต้องจับตาดูในวันที่ 13 สิงหาคม 2566 ซึ่งถือเป็นวันที่พีคที่สุด โดยนายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม สั่งให้มีการอพยพ เคลื่อนย้ายสิ่งของบริเวณร้านค้า ร้านจำหน่ายของฝากที่อยู่ใต้ลานพญาศรีสัตตนาคราช เขตเทศบาลเมืองนครพนม อย่างเร่งด่วน พร้อมประสานเทศบาลฯ หาที่ขายของชั่วคราวให้กับผู้ค้าเพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาไปพลางก่อน