วันที่ 14 ส.ค.66 ที่ร้านนราการเบาะ นายจรงค์ หนูช่วย วัย 75 ปี พร้อมภรรยา นางเยาวนารถ หนูช่วย อายุ 67 ปี สองสามีภรรยานำคลิปที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นกลลวงให้หลงเชื่อ เกือบจะสูญเงินหลักแสนบาท
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อ นายจรงค์ ขณะนั่งทำเบาะให้ลูกค้าเหมือนเช่นทุกวันที่ร้านเพียงลำพัง จู่ๆ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากท้องที่จังหวัดสุโขทัย อ้างว่านายจรงค์ มีชื่อพัวพันกับกลุ่มยาเสพติดที่เปิดบัญชีซื้อขายยา ซึ่งสร้างความตกใจให้กับนายจรงค์เป็นอย่างมาก ก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนไลน์กันเพื่อพูดคุย
จากนั้นคนร้ายที่สวมรอยเป็นตำรวจได้สอบถามถึงสมุดบัญชีธนาคารว่ามีของธนาคารกรุงศรีหรือไม่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ นายจรงค์ตอบทันควันว่าไม่ แต่มีของธนาคารอื่น 2 ธนาคาร และได้ถ่ายรูปหน้าปกธนาคาร ทั้ง 2 เล่มให้ ( มีเงินในบัญชีเพียง 400 กับ 500 บาท) พร้อมแนบบัตรประชาชน ตามที่คนร้ายต้องการส่งไปให้กลับถูกข่มขู่พร้อมส่งรูปบุคคลที่ถูกจับกุมได้และซัดทอดว่าลุงใช้ให้ไปเปิดบัญชีเพื่อโอนเงินค่ายาเสพติด ที่มีตราโลโก้คล้ายกับตำรวจให้ดู ยิ่งสร้างความกลัวและตกใจเป็นอย่างมาก และขอให้รีบมาดำเนินการในท้องที่ จ.สุโขทัย เพื่อจ่ายค่าปรับ ในจำนวนเงิน 2 แสนบาท มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีทันที นายจรงค์บอกไปว่าไม่มีเงิน คนร้ายจึงบอกว่าถ้าหากจะให้ช่วยเรื่องคดี เพื่อไม่ให้ยุ่งยากก็ให้โอนมา 1 หมื่นบาท เป็นการช่วยในเบื้องต้นโดยไม่ต้องเดินทางมา
ขณะนั้นนายจรงค์เริ่มใจอ่อนและพร้อมจะโอนเงินให้ตามที่คนร้ายร้องขอเพื่อให้คดีจบๆ ไป แม้พยายามจะบอกคนร้ายว่ามีลูกชายเป็นตำรวจ ตำแหน่งสารวัตรด้วยเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจจากคนร้าย (กลับยอกย้อนว่าเงินแค่นี้มีลูกเป็นตำรวจไม่มีเหรอ) ด้วยการที่ไม่อยากจะเดินทางขึ้นไปเคลียร์ที่ จ.สุโขทัย จึงคิดที่จะยินยอมจ่ายเงิน 1 หมื่นบาท แต่ตัวเองไม่มีเงิน จึงขอเวลาคนร้ายว่าขอไปยืมเงินจากญาติก่อน
จากนั้นจึงไปขอเงินภรรยา และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาฟัง ภรรยารู้ทัน และบอกว่าถูกเข้าแล้ว ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเข้าแล้ว เหมือนกับที่เป็นข่าวในทีวี และในสื่อโซเซียลอยู่ทุกวัน จึงเก็บโทรศัพท์ของมาดำเนินการเอง โดยไม่ให้รับโทรศัพท์อีก หลังคนร้ายพยายามติดต่อมาเพื่อขอเงิน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงรีบไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสตูล เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งและบอกว่าคดีแบบนี้มีเยอะ และเหตุยังไม่เกิด แต่พวกตนมองว่าอยากจะเตือนภัยสังคมให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่มุ่งเป้าไปที่ผู้สูงอายุ สร้างความตกใจ และหวาดกลัว
นายครรชิต ชุมขวัญ ผู้นำในชุมชนที่ 2 ป้า ลุงอาศันอยู่ (สท.ทต.คลองขุด) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้อยากให้เป็นการเตือนภัยสังคมที่มาในทุกรูปแบบ ไม่เลือกเด็กหรือผู้สูงอายุ วันนั้นถ้าลุงแกมีเงินอยู่ในตัวแกคงโอนให้คนร้ายไปแล้วเพราะด้วยความหวาดกลัว และตกใจว่ามีคนแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่นี่เงินอยู่ที่ภรรยาทำให้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี