DSI ติดกล้องวงจรปิด สั่งจนท. เฝ้า 24 ชม. พร้อมเปิดขั้นตอนขนหมูเถื่อน 161 ตู้จากท่าเรือแหลมฉบัง ฝังกลบดินสิ้นเดือน ก.ย. โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นเจ้าภาพ การันตีของกลางไม่ล่องหน ชวน ปชช.ร่วมสังเกตการณ์
วันที่ 19 ส.ค.66 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้าซากสุกรแช่แข็ง 161 ตู้ ว่าวานนี้(18 ส.ค.) ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการประชุมหารือร่วมกัน 3 หน่วยงาน ได้แก่ ดีเอสไอ กรมปศุสัตว์ และกรมศุลกากร โดยพูดคุยเกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการ ขนย้ายทำลายซากสุกรแช่แข็ง ซึ่ง เป็นของกลางที่ได้มีการอายัดไว้ จากฐานความผิดนำเข้าสุกรแช่แข็งโดยฝ่าฝืน ม.31 แห่ง พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ฯ และความผิดฐานเลี่ยงข้อจำกัดตามมาตรา 244 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากรฯ โดยที่ประชุมได้มีมติทำลายของกลางในพื้นที่ของกรมปศุสัตว์ บริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างโปร่งใส ซึ่งการทำลายฝังกลบจะเป็นอำนาจหลักของกรมปศุสัตว์ ขณะที่ดีเอสไอในฐานะพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนรับหน้าที่ในการขนย้าย-ลำเลียงตู้คอนเทเนอร์ของกลางทั้ง 161 ตู้ โดยเป็นการทยอยขนย้ายวันละประมาณ 30 ตู้ ส่วนที่ต้องทำการทยอยลำเลียง เนื่อง จากเส้นทางในการขนย้ายนั้นค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร ขั้นตอนต่อจากนี้เมื่อของกลางมาถึงจุดหมายจะโอนตู้ออก เพื่อตู้ในชุดถัดไปจะวนเข้ามาเรื่อยๆ และเมื่อไปอยู่ในจุดที่นำของกลางลง เราจะไม่ได้เทของกลางทีเดียว เพราะตู้คอนเทน เนอร์อาจมีผลกระทบเสื่อมสภาพได้ ต่อมาเมื่อเทของกลางเสร็จสิ้น ดีเอสไอจะนำรถที่ใช้สำหรับขนย้ายออกมาจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่โล่งช่วงหน้าฝนอาจเฉอะแฉะ แต่เรายืนยันว่าบริเวณทำลายของกลางเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนแน่นอน ทั้งนี้ การขนย้ายตู้คอนเทเนอร์จากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ไปยังพื้นที่ฝังกลบทำลาย เราจะดำเนินการในช่วงเช้ามืด เพื่อไม่เป็นการรบกวนการทำงานของท่าเรือ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อสรุปขั้นตอนทำงานร่วมกันทั้ง 3 หน่วยงาน เพื่อวาง แผนว่าจะมีรูปแบบขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบวิธีปฏิบัติของกรมปศุสัตว์
พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า การทำลายของกลางสามารถทำได้ก่อนการสอบสวนทางคดีจะเสร็จสิ้น เพราะซากสุกรแช่แข็งเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบทั้งเรื่องเชื้อโรคและโรคระบาด ซึ่งนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่มีการขออนุญาต และไม่ผ่านขั้นตอนพิธีการศุลกากร ทั้งนี้คาดว่าจะทำลายฝังกลบซากสุกรแข่แข็งช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ เพราะขณะนี้สำนวนคดีอยู่ในขั้นตอนของดีเอสไอ และคณะพนักงานสอบสวนจะมีการเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เรื่องกำหนดแผนการเคลื่อนย้ายของกลาง และจึงจะส่งมอบของกลางในทางกฎหมายให้กับกรมปศุสัตว์ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการทำลายฝังกลบ อีกทั้งแต่ละหน่วยงานจะต้องไปทำการบ้านว่าตู้คอนเทเนอร์ใดอยู่ท่าเรือไหนบ้าง และดูความพร้อมของแต่ละท่าเรืออีกด้วย เพราะเราต้องการทำลายของกลางให้เร็วที่สุดและต้องครบจำนวน
เมื่อถามว่าในการทำลายของกลางจะมีภาคประชาชนและตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยเข้าร่วมสังเกต การณ์ด้วยหรือไม่ พ.ต.ต.ณฐพล ยืนยันว่ามีแน่นอน และจะทำอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ตามนโยบายของ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ โดยจะเชิญผู้บังคับบัญชา การระดับสูงของทุกหน่วยงาน เข้าร่วมพิธีการทำลายฝังกลบของกลาง และระหว่างขั้นตอนดำเนินการ ตนจะให้ทุกคนเข้าสังเกต การณ์เพื่อแสดงให้ประชาชนและสื่อมวลชนเห็นว่าเราทำลายทั้งหมด ไม่มีพฤติการณ์ชักของกลางออกไป และดีเอสไอจะมีเจ้าหน้าที่สำหรับเฝ้าตลอด 24 ชม. ติดกล้องวงจรปิดตลอดเวลา
ส่วนเรื่องความคืบหน้าทางการสอบสวนนั้น พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้มีการขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัทเอกชน ซึ่งมีบทบาทในการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์แช่แข็ง จำนวน 10 บริษัท (11 จุดตรวจค้น) เพื่อตรวจยึดเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการขยายผลว่ามีผู้ใดกระทำความผิดบ้าง และตอนนี้พนักงานสอบสวนก็อยู่ระหว่างการขอข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อนำมาตรวจสอบว่าภายในบริษัทต่างๆนี้มีโครงสร้างบุคลากรอย่างไร ใครเป็นกรรมการบริษัท หรือมีอำนาจในการลงนาม อย่างไรก็ตาม เอกสารต่างๆที่ได้มีการตรวจยึดมาค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดี และจะนำไปตรวจสอบคู่ขนานกับข้อมูลของทางกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์เพื่อดูว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ ท้ายสุดจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาออกหมายเรียกพยานหรือผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคลหรือบุคคลรายใดต่อไป