ตร.ปอท.หิ้วฝากขัง แก๊ง Hybrid Scam” กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ตุ๋นหนุ่มให้ลงทุนสูญร่วม 13 ล้าน นางแบบดัง"กีกี้ แม็กซิม"เอี่ยวด้วย ล่าสุดศาลไม่ให้ประกันตัว ระบุพฤติการณ์ ร้ายแรง ทำเป็นขบวนการ คอตกระเห็จนอนคุกยกแก๊ง
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นำตัว น.ส.สุภาวินี อายุ 32 ปี ,น.ส.ภัสรา อายุ 26 ปี,นายณัฐฐินันท์ อายุ 30 ปี,น.ส.จักรีณา หรือกีกี้ แม็กซิม นางแบบชื่อดัง อดีตผู้เข้าประกวดมิส แม็กซิม อายุ 28 ปี ,น.ส.อัจฉรา อายุ 28 ปี,น.ส.ศิริวรรณ อายุ 29 ปี ,น.ส.เบียน ฉี อายุ 40 ปี สัญชาติจีน และน.ส.สุมาลี อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-8 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯมาฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1ก.ย.-12 ก.ย.
โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ สรุปว่าเมื่อประมาณเดือนเม.ย. 65 นายไพทูร ไพศาลสุขวิทยา ผู้กล่าวหา ได้รับข้อความทักแชตจากผู้ต้องหากับพวก โดยใช้บัญชีเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า “เพชรไพริน อมาตยกุล” โดยมีการ แสดงตน แชทพูดคุยกันเพื่อให้ผู้กล่าวหาเข้าใจว่าคือ น.ส.เพชรไพริน อมาตยกุล โดยมีการเรียกแทนตัวเองว่า“ริน”และให้ผู้กล่าวหาลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น “Cboe Global Markets” เป็นเหตุให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อโอนเงินลงทุนจำนวน 15 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 12,900,000 บาท
ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มของผู้ต้องหาได้มีการร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะ แบ่งหน้าที่กันทำ คือ ผู้ต้องหาที่ 1-5 และผู้ต้องหาที่ 8 มีหน้าที่ในการสมัครเปิดบัญชีกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ เพื่อรับโอนเงินสกุล USDT และเปิดบัญชี ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพื่อรับโอนเงินที่ผู้กล่าวหาถูกหลอกลวงให้โอนไปให้ หลังจากนั้นผู้ต้องหากับพวก ได้ใช้บัญชีกระเป๋า ดิจิทัลต่างๆ มีการโอนเหรียญสกุล USDT ต่อกันไปเป็นทอดๆ เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือเพื่อ ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด และมีการนำเหรียญสกุล USDT มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาท เพื่อโอนเงินบาทเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย และเงินสกุลกับของประเทศลาว เพื่อโอนสกุลเงินกีบเข้าบัญชี ธนาคารพาณิชย์ของประเทศลาว
โดยพบว่า MR.Xu Qi (สัญชาติจีน) เป็นผู้รับผลประโยชน์โดยเป็นผู้รวบรวมเงินตามเส้นทางการเงินที่ผู้กล่าวหา ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปให้ หลังจากนั้น MR.Xu Qi ได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี MR.Xu Qi โอนเงินต่อไปที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บมจ.แห่งหนึ่ง จำนวน 2,000,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เมื่อตรวจสอบข้อมูลจาก บริษัท ซาฮีร่า จํากัด โดยมีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในขณะนั้น คือ น.ส.ศิริวรรณ ผู้ต้องหาที่ 6 พบว่ามีการลงนามในการซื้อขายบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทำให้ บริษัท ซาฮีร่า จำกัด เป็นผู้รับผลประโยชน์ดังกล่าวและรับโอนกรรมสิทธิ์ ในบ้านและมีการจดทะเบียนบริษัท ในใบอนุญาตวิชาชีพบัญชี ในนามของ บริษัท ฮานติ้ง เฟริร์ม (ประเทศไทย) จำกัด โดย น.ส.เบียน ฉี ( MISS BIAN OI) ผู้ต้องหาที่ 7 ซึ่งมีเจตนาจัดตั้งบริษัท เพื่อโอน รับโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือ หลังการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ
โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-5,8 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 ,342 ,343,พร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2560) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 ,25 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5,6,9,60
การกระทำของผู้ต้องหาที่ 6 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดย การตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, พ.ร.บ. ป้องกันและ ปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา5,25 พ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการฟองเงิน พ.ศ.2542มาตรา 3(3) มาตรา 5,6,9,60,61
การกระทำของผู้ต้องหาที่ 7 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดย การตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิด หรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ก่อนหรือขณะ กระทำความผิด หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการกระทำความผิดฐานฟอกเงินอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, พ.ร.บ. ป้องกันและ ปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5,25 พ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการฟองเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (3) มาตรา5,6,7,9,60,61 ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 30 ปากรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาที่ 1-8 จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดดังกล่าว
ท้ายคำร้อง หากผู้ต้องหาทั้งแปด ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและเป็นคดีเกิดนอกราชอาณาจักร หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว เกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาญาติ และทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ของผู้ต้องหา 7 คน ขอปล่อยชั่วคราว ยกเว้น น.ส.จักรีณา หรือ กีกี้ แม็กซิม ที่ไม่ยื่นขอประกันตัว
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันหากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป.-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี