จเรตำรวจแห่งชาติขับเคลื่อนงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการปราบปรามการค้ามนุษย์ เดินหน้าร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กำชับตำรวจทุกหน่วยให้ความสำคัญในการปฏิบัติ
วันนี้ (8 พ.ค.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ โดยมี ดร.รีเบ็คก้า มิลเลอร์ ผู้ประสานงานภูมิภาคของ UNODC พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ รอง ผบช.ตชด. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. ผู้แทนหน่วยงานตำรวจที่เกี่ยวข้อง , ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) , กระทรวงมหาดไทย , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , กระทรวงแรงงาน , กองบัญชาการกองทัพไทย , สำนักงานอัยการสูงสุด , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ , สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม , ธนาคารแห่งประเทศไทย และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วม ที่อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การประชุมในวันนี้เป็นการขับเคลื่อนงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ ของหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ซึ่งมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฯ โดยการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจนี้ขึ้นมาเพื่อความสะดวกและมีประสิทธิภาพในการประสานงานไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ , การปฏิบัติการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ , การสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ , การคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ภายหลังจากการช่วยเหลือออกมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ , การส่งเสริมศักยภาพของเจ้าหน้าที่รัฐในการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ และการพัฒนาแนวทางการปฏิบัติร่วมกัน (SOP) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการประสานงานระหว่างประเทศ
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลคือปัจจัยของความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การสืบสวนสอบสวน และการดำเนินคดี อาทิ สถานที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ , ชาวต่างชาติต้องสงสัยที่เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ , การคัดกรองเหยื่อ/ผู้ประสงค์ไปทำงาน ซึ่งในส่วนของ UNODC จะให้การสนับสนุนการทำงานในด้านการช่วยกำหนดทิศทางการทำงานของหน่วยเฉพาะกิจฯ แพลตฟอร์มการประสานงานกับหน่วยงานนานาประเทศ และการฝึกอบรมในการคัดกรองและคัดแยกผู้เสียหายกับผู้กระทำผิด
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวอีกว่า จากการทำงานที่ผ่านมา พูดได้ว่าหากเราไม่สามารถล้มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามแนวชายแดนได้ การแก้ปัญหาดังกล่าวยากที่จะหมดไป ในส่วนของประเทศไทยพบว่ากลุ่มแก๊งดังกล่าวมักใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการเดินทางไปทำงาน เนื่องจากเดินทางสะดวก ประกอบกับพบว่ามีคนไทยบางคนเกี่ยวข้องทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในรูปแบบต่างๆ เช่น การสมัครใจเดินทางไปทำงาน หรือการให้บริการรถเช่า ที่พัก เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตำรวจจะต้องสืบสวนจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด พร้อมกำชับและขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบเข้มงวดเรื่องนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังชายแดนในทุกวิธีการ เพื่อเป็นการบล็อค ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ ทุกหน่วยต้องร่วมกันขับเคลื่อนในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ
จากนั้นเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย เป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติงานศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม.และผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ที่ ศปก.ตร.อาคาร 1 ชั้้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการปฏิบัติการปราบปรามการค้ามนุษย์ ของ ศคตม.ตร.ระหว่างวันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2568 แบ่งเป็นการจับกุมความผิดเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 72 คดี , การจับกุมของชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต (TICAC) ดำเนินคดี รวม 24 คดี ช่วยเหลือเหยื่อ 22 ราย และผลการปฏิบัติของชุดปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ภาคประมง ตรวจแรงงาน การจับกุมเรือประมงผิดกฎหมาย และการจับกุมคดีค้ามนุษย์ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567-30 เมษายน 2568 มีการตรวจเรือประมง 1,263 ลำ จับกุมตาม พ.ร.ก.ประมงฯ 22 คดี ผู้ต้องหา 23 คน
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ถือเป็นวาระแห่งชาติ เป้าหมายยกระดับสู่ Tier 1 ในการจัดระดับในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) อย่างเข้มงวด กำชับอย่าให้มีการใช้กระบวนการ NRM ฟอกขาว อ้างตัวเป็นเหยื่อเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมดำเนินคดี และได้สั่งการแนวทางและมาตรการในการขับเคลื่อน ศคตม.ตร.ในห้วงถัดไป ย้ำว่าหัวใจอยู่ที่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะมาตรการ 7 ขั้นตอนของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ที่ทุกหน่วยต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี