วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
'จเรตำรวจฯ'หารือ'ตร.ไซเบอร์อินเดีย' พบคดีคอลเซ็นเตอร์มากกว่าไทยเกือบ 10 เท่า

'จเรตำรวจฯ'หารือ'ตร.ไซเบอร์อินเดีย' พบคดีคอลเซ็นเตอร์มากกว่าไทยเกือบ 10 เท่า

วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 19.01 น.
Tag : แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งคอล คอลเซ็นเตอร์ จเรตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์อินเดีย แนวหน้าออนไลน์ เหยื่อคอลเซ็นเตอร์
  •  

จเรตำรวจแห่งชาติ หารือ ตำรวจไซเบอร์อินเดีย พบมีคดีคอลเซ็นเตอร์มากกว่าไทยเกือบ 10 เท่า

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ฉก.88) / ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศตคม.ตร.) / ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า จากมาตรการของรัฐบาลไทยในการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเมียวดี และเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ของประเทศเมียนมา ในบริเวณแนวชายแดนติดกับประเทศไทย โดยได้มีการตัดไฟ อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ที่มีการนำไปใช้ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้มีการร่วมกันระดมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 สามารถควบคุมตัวบุคคลจาก 36 ประเทศ ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จำนวน 7,514 คน โดยมีบุคคลสัญชาติจีนมากที่สุด จำนวน 5,414 คน , สัญชาติอินโดนีเซีย เป็นอันดับที่สอง จำนวน 653 คน และสัญชาติอินเดีย เป็นอันดับที่สาม จำนวน 587 คน ซึ่งจากจำนวนคนที่ได้รับการยืนยันว่าทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 8,988 คน ได้มีการส่งกลับประเทศต้นทางไปแล้ว จำนวน 7,514 คน เหลืออยู่อีกจำนวน 1,474 คน อยู่ระหว่างรอการส่งกลับ


เมื่อวันที่ 5 - 7 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พ.ต.อ.สัญญา เนียมประดิษฐ์ รองผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เดินทางไปประเทศอินเดีย เพื่อร่วมหารือเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด และคาดว่าจะมีชาวอินเดียอีกเป็นจำนวนมากที่ยังทำงานอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งฝั่งประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว

จากการหารือร่วมกับทางสำนักงานตำรวจข่าวกรอง (Intelligence Bureau) และสำนักงานตำรวจไซเบอร์ (Indian Cyber Crime Coordination Centre) ของประเทศอินเดีย พบว่าประเทศอินเดียมีสถิติการรับแจ้งความคดีคอลเซ็นเตอร์มายังศูนย์รับแจ้งความ เฉลี่ยประมาณ 7,000 คดีต่อวัน (ประเทศไทยเฉลี่ยการรับแจ้งความออนไลน์ 800 คดีต่อวัน) โดยคดีที่เกิดขึ้นมากที่สุดคือ การหลอกให้ลงทุน (Investment Scam) เช่นเดียวกับประเทศไทย มูลค่าความเสียหายโดยรวม (รวบรวมเฉพาะที่เกิดขึ้นกับพลเมืองจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เมื่อปี พ.ศ.2567 จำนวนประมาณ 43,000 ล้านบาท (ประเทศไทย รวบรวมจากเหตุที่รายงานทั้งหมดในประเทศ โดยเฉลี่ยจำนวนประมาณ 30,000 ล้านบาท) โดยศูนย์รับแจ้งความคดีคอลเซ็นเตอร์ของประเทศอินเดียตั้งอยู่ที่กรุงนิวเดลี (เมืองหลวง) รับแจ้งทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง มีผู้แทนจากตำรวจ ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรศัพท์ คอยช่วยเหลือในทางคดีนั่งประจำที่ศูนย์ฯ

ทั้งนี้ คนอินเดียที่เข้าไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะมาจากการไปสมัครงานที่เผยแพร่อยู่ในเพจต่างๆ จากบริษัทปลอมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนใหญ่จะอ้างว่าจ้างให้มาทำงานในประเทศไทย โดยออกค่าเดินทางต่าง ๆ ให้ โดยเมื่อถึงไทยแล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะพาลักลอบข้ามแดนไปยังเมืองเมียวดี หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเมียนมา หรือพาเดินทางจากสนามบินไปยังชายแดน เพื่อข้ามไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต เมืองพนมเปญ เมืองสีหนุวิลล์ หรือเมืองบาเวต ประเทศกัมพูชา หรือเดินทางไปทำงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ประเทศลาว โดยกลุ่มคนอินเดียเหล่านี้จะทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกประชาชนในประเทศอินเดีย ซึ่งส่วนหนึ่งพบว่าเงินที่หลอกได้มีการถอนเงินจากบัญชีธนาคารในประเทศไทย รวมทั้งใช้เครือข่ายสื่อสารของไทยในการโทรกลับไปหลอกคนอินเดีย

ทางศูนย์ไซเบอร์อินเดียยังได้แสดงผลคดีที่มีการจับกุมการปลอมตัวเป็นตำรวจอินเดีย (Digital Arrest) โดยวิดีโอคอลพูดคุยข่มขู่เหยื่อให้เกิดความกลัวเพื่อเอาทรัพย์สินของประชาชนไป ลักษณะคล้ายคลึงกับการหลอกลวงในประเทศไทยที่มีกลุ่มคนไทยขายชาติที่เรียกกันว่า “ร้อยเวรปอยเปต” มาข่มขู่คนไทยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า จากการไปเยือนและร่วมหารือปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับทางประเทศอินเดีย ทำให้เห็นว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน น่าเชื่อว่าการก่ออาชญากรรมเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันในหลายประเทศ ทางประเทศอินเดียยังได้มีการกล่าวชื่นชมมาตรการของ นางสาว แพทองคำ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่มีมาตรการตัดไฟ อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไปยังเมืองเมียวดี และเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเมียนมา ส่งผลให้มีการระดมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยเหลือประชาชนในประเทศต่างๆ กว่า 36 ประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมที่น่ารังเกียจนี้ โดยประเทศอินเดียมีสถิติการถูกหลอกลวงของประชาชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจไทยและอินเดียจะมีการร่วมมือกันในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ทบ.\'แจงยกระดับผ่านด่าน! เชื่อส่งผลดีในการตอบโต้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ 'ทบ.'แจงยกระดับผ่านด่าน! เชื่อส่งผลดีในการตอบโต้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์
  • รวบหัวโจกแก๊ง\'สินเชื่อเงินด่วน\' หนีหมายจับ กบดานแหล่งพักยากลางหุบเขา รวบหัวโจกแก๊ง'สินเชื่อเงินด่วน' หนีหมายจับ กบดานแหล่งพักยากลางหุบเขา
  • \'DSI\'ขนลังสำนวนฮั้วประมูลสัญญาตึก สตง.ส่ง\'ป.ป.ช.\' ไต่สวนฟัน\'บิ๊ก สตง.-70 ขรก.-6 ผู้บริหาร\' 'DSI'ขนลังสำนวนฮั้วประมูลสัญญาตึก สตง.ส่ง'ป.ป.ช.' ไต่สวนฟัน'บิ๊ก สตง.-70 ขรก.-6 ผู้บริหาร'
  • อาจผิด‘พรบ.คอมฯ’ ‘ตร.ไซเบอร์’ลุยสอบคลิปเสียง‘นายกฯ’คุย‘ฮุนเซน’ อาจผิด‘พรบ.คอมฯ’ ‘ตร.ไซเบอร์’ลุยสอบคลิปเสียง‘นายกฯ’คุย‘ฮุนเซน’
  • ‘ทวี’สั่งล่า‘เสี่ยหมาบิน’ แก๊งยานรกรายใหญ่ ประสานเมียนมาจับ ‘ทวี’สั่งล่า‘เสี่ยหมาบิน’ แก๊งยานรกรายใหญ่ ประสานเมียนมาจับ
  • จับโกดังรีไซเคิล ขยะพิษ8พันตัน ลอบเปิดกิจการ จับโกดังรีไซเคิล ขยะพิษ8พันตัน ลอบเปิดกิจการ
  •  

Breaking News

'ดอม เหตระกูล'เปิดตำนานคุย 6 วันขอแฟนแต่งงาน พร้อมเล่าร่วมงาน'ลิซ่า'

'จุลพันธ์'มั่นใจเสียงพรรคร่วมรัฐบาล ดันร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้

เดี๋ยวค่อยเติม! พรุ่งนี้น้ำมัน'เบนซิน-แก๊สโซฮอล์'ลดราคา 50 สตางค์/ลิตร

ส่องชีวิตแสนหรูหรา'ฮุน จันธา'หลานสาวของ'ฮุน เซน' หลังทิ้งตระกูลฮุนเลือกใช้ชีวิตในยุโรป

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved