จับ‘นานา.ไรบีนา’ฉ้อโกง
ตุ๋นเหยื่อลงทุนสูญ195ล้าน

ตำรวจ ปอศ.รวบ “นานา ไรบีนา” ดาราสาวชื่อดัง คาบ้านพักหลังจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ภายหลังหลอกเพื่อนสนิทและเหยื่อร่วมลงทุนธุรกิจสูญกว่า 195 ล้านบาท เจ้าตัวยังปฏิเสธข้อหา

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.มอบหมายให้ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ณัฐดนัย บำรุงศิลป์ สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ต.หญิง ชนากานต์ นิรัมย์ สว.กก.4 บก.ปอศ.นำกำลังจับกุม นางไรบีนา อินทชัย หรือนานา ไรบีนา อายุ 45 ปี ดาราสาวชื่อดัง ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน จับกุมได้ที่บ้านพักย่านพระโขนง กทม.

พร้อมกันนั้น ได้ตรวจยึดโทรศัพท์ iphone 7 เครื่อง , art toy bearbrick และอื่นๆ 11 กล่อง , ledger-nano-x (hardware wallet) 1 ชิ้น , กระเป๋า hermes berkin 1 ใบ , กระเป๋า หิ้ว louis vuitton 1 ใบ , เครื่องประดับจิวเวลรี่แบรนด์ต่างๆ ประมาณ 50 ชิ้น รวมทั้งรถยนต์ mini coper รุ่น aceman สีขาว 1 คัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบการถือครองอสังหาริมทรัพย์ โฉนดที่ดิน จ.อ่างทอง 1 แปลง พื้นที่ 64 ตารางวา และโฉนดที่ดินใน กทม.1 แปลง พื้นที่ 87.9 ตารางวา ซึ่งจะได้ตรวจสอบการได้มาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างถูกคุมตัวมาสอบปากคำที่ บก.ปอศ.ทันทีที่รถตู้จอด ดาราสาวรายนี้ได้สวมหมวกปิดบังใบหน้า และห่มผ้าคลุมตัว โดยเดินก้มหน้าตลอดเวลา แม้ว่าสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอติดตามทำข่าวจะพยายามสอบถาม ดาราสาวก็ไม่พูดอะไร จนเข้าไปยังห้องสอบสวน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ฝ่าวงล้อมผู้สื่อข่าวที่พยายามตะโกนสอบถามหลายประเด็น ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนสนิท บุคคลใกล้ชิด และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ ที่รู้จักกับผู้ต้องหา รวม 17 ราย ทยอยกันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ว่าถูกดาราสาวรายนี้ หลอกให้ร่วมลงทุนทั้งธุรกิจปล่อยสินเชื่อบุคคล ลงทุนเทรดหุ้นซึ่งอุปโลกน์ขึ้นมา ไม่มีอยู่จริง ลงทุนในธุรกิจสร้างสนามกีฬาบาสเกตบอล เปิดร้านอาหารระดับประเทศ และในบริษัทต่างๆ หรือลงทุนในกองทุนของธุรกิจครอบครัวนักธุรกิจรายใหญ่ ซึ่งมีการเสนอผลตอบแทนสูง แต่กลับไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง รวมมูลค่าเสียหายกว่า 195 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 17 ปาก ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ก่อนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขออำนาจศาลฯ ออกหมายจับ และนำหมายค้น เข้าตรวจค้นเป้าหมาย ยึดเอกสาร และทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งเป็นเพียงบางส่วน รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

ผบก.ปอศ.กล่าวต่อว่า สำหรับหนึ่งในผู้เสียหายที่มีข่าวหลุดออกมาก่อนหน้านี้ คือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ โดยเป็นการชวนไปลงทุนร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 3 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่มีการลงทุนจริง อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายหลายรายก็ไม่ประสงค์จะเป็นข่าว

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ส่วนรายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหามีประเด็นที่อยากจะชี้แจง เบื้องต้นอ้างว่าไม่รู้ว่าการกู้ยืมเงินลักษณะที่ทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย และคิดว่าจะหาเงินมาใช้คืนผู้เสียหายได้ สำหรับกรณีการยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน ก็จะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ แต่เป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม ในความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน คือการกระทำลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ เข้าข่ายมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน ทางพนักงานสอบสวนได้รายงานไปยัง ปปง.แล้ว ส่วนทรัพย์ที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาว่าได้มาก่อนหรือหลังการกระทำความผิด โดยความผิดหลักเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายน 2565 จึงต้องตรวจยึดทรัพย์ทั้งหมดส่งให้ ปปง.ดำเนินการต่อไป

ด้านนายฌาฆฤณ ชุ่มนิ่ม หรือดีเจบอย เพื่อนสนิทของนานา ไรบีนา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังจากเข้าให้กำลังใจนานา ว่าได้โทร.หาเพื่อนตั้งแต่เช้า ซึ่งเจ้าตัววิตกกังวลเรื่องลูก และคนในครอบครัว ส่วนเรื่องคดียังไม่ได้พูดคุย ตอนที่อยู่ด้วยเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าตัวไม่คิดว่าจะถูกจับกุม เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เพื่อนทำ ก็เคยพูดชัดเจนตั้งแต่แรก ว่าไม่ได้เข้าข้าง ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ตนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ทิ้งกัน เพราะก็เป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเหลือกันในวันที่เขารู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องธุรกิจที่นานา ทำอยู่ นายฌาฆฤณ กล่าวว่า ไม่รู้มาก่อน ก็รู้พร้อมๆ กับ น.ส.วรินดา ดำรงผล หรือดีเจดาด้า เขาไม่เคยชวนลงทุนอะไร ไม่เคยขอยืมเงิน จะมีก็เพียงปรึกษาเรื่องส่วนตัวมากกว่า ตั้งแต่เป็นข่าวก็ไม่กล้าถามอะไร ไม่อยากละลาบละล้วง กลัวผลกระทบทางจิตใจจึงเลี่ยงที่จะถาม เมื่อถามว่าพฤติกรรมของนานา อาจจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ถ้าหากกลับไปบอกให้นานา สารภาพ โทษหนักอาจเป็นเบาจะมีอะไรบอกเขาหรือไม่ นายฌาฆฤณ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเลย ไม่ทราบจริงๆ และเรื่องคดีก็ไม่ได้พูดคุยกันเลย มีเพียงแค่ให้กำลังใจกันเท่านั้น

นายฌาฆฤณ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวนานา เป็นคนใช้เงินปกติ ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบหรูหรา จากที่เจอวันแรกที่อยู่ในวงการด้วยกันมา ใช้ชีวิตยังไงก็ยังงั้น ไม่ได้ว้าว หรือหวือหวา พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ยืนยันว่าก่อนหน้าได้เจอกับเวย์ ไทยเทเนียม สามีของนานา เพียงแค่กอดกัน แล้วเจ้าตัวบอกขอบคุณ แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรมากกว่านั้น และในฐานะเพื่อนก็ให้กำลังใจซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้ ทุกอย่างก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน