'KNU'แฉเบื้องหลังทหารพม่าถล่มแก๊งคอลฯ ที่แท้เร่งทำลายหลักฐานตัดเชื่อมโยง

'KNU'แฉเบื้องหลังทหารพม่าถล่มแก๊งคอลฯ ที่แท้เร่งทำลายหลักฐานตัดเชื่อมโยง

วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 19.47 น.

KNU วอนนานาชาติช่วยด่วนหลังบุกยึดรังใหญ่สแกมเมอร์จีนในพื้นที่กองกำลัง DKBA กักตัวอาชญากรข้ามชาติระดับหัวหน้านับร้อย เผยดิ้นรนกันสุดขีดก่อหวอดจลาจลเสียชีวิตแล้ว 1 ราย-สร้างข่าวเท็จโลกออนไลน์-หวั่นถูกจับส่งตัวให้ทางการจีน แฉเบื้องหลังทหารพม่าปราบสแกรมเมอร์ ที่แท้ทำลายหลักฐานตัดตอนการเชื่อมโยง

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 พะโด่ซอตอนี โฆษกสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี KNU บุกยึดแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติและขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในพื้นที่ของกองกำลังกะเหรี่ยงเพื่อประชาธิปไตย (Democratic Karen Benevolent Army- DKBA)บริเวณพื้นที่มินเลตปาน ห่างจากเมืองเมียวดี 16 กิโลเมตร ตรงข้ามบ้านห้วยมหาวงศ์ ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า มีชาวต่างชาติมากกว่า 1,000 คนที่ต้องการหนีออกจากแหล่งอาชญากรรมแห่งนี้ โดยขณะนี้ KNU ได้ให้คนที่อยู่ตามตึกต่างๆซึ่งมีทั้งหมดราว 20 อาคาร มาลงทะเบียนเพื่อนำตัวออกมาโดยมีผู้มาลงชื่อแล้วกว่า 700 คน แทบทั้งหมดเป็นคนจีน


พะโด่ซอตอนี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเกิดการจลาจลในพื้นที่ ขณะที่กองทัพพม่าก็ได้ระดมยิงปืนใหญ่เข้ามาเพราะต้องการบุกยึดพื้นที่ ทำให้การบริหารจัดการเป็นไปค่อนข้างยาก โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากวันที่ 21 พฤศจิกายนที่กองทัพพม่าเปิดปฎิบัติการบุกโจมตี KNU เพื่อหวังยึดพื้นที่คืน โดยระหว่างการสู้รบทหารของ DKBA ภายใต้การนำของนายอ่องลวินซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายไซจ่อละ (Sai Kyaw Hla) ซึ่งถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร ได้ให้การช่วยเหลือกองทัพพม่า อย่างไรก็ตาม KNU ได้เข้าควบคุมพื้นที่ฐานที่มั่นของ DKBA ไว้ได้ และทหาร DKBA ยอมมอบตัว

“เราพบว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีระบบป้องกันแน่นหนา และดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมาย มีผู้คนหลายพันคนจากหลายสัญชาติถูกกักขังอยู่ เราได้จำกัดการเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลบหนี” พะโดซอตอนี กล่าว

โฆษก KNU กล่าวว่า หลังจากควบคุมพื้นที่ไว้ได้ จึงมีการวางแผนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับชาวต่างชาติที่อยู่ในอาคารต่างๆซึ่งคาดว่ามีประมาณ 4,000-6,000 คน โดยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนได้เข้าไปคัดกรอง โดยมีคนไทย 29 คน และส่งตัวกลับมายังฝั่งไทยแล้ว และวันที่ 24 ได้มีการปฎิบัติการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามพบว่ามีกลุ่มคนจีน 36 คนที่อยู่ในระดับหัวหน้าสายซึ่งอาจไม่ใช่บอสใหญ่ แต่เป็นระดับผู้จัดการตึกและกลุ่มที่ทำร้ายเหยื่อ ได้ส่งตัวคนกลุ่มนี้ให้ชุดปฎิบัติการระหว่างประเทศฝั่งไทย เรายังยึดโทรศัพท์ได้นับหมื่นเครื่อง และคอมพิวเตอร์อีกนับร้อยเครื่อง รวมถึงมีตู้เซฟอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งจะส่งมอบให้กับทีมปฎิบัติการร่วม

“เมื่อคืนวันที่ 24 เริ่มมีการก่อกวนของกลุ่มคนจีนบางส่วน มีการโยนข้าวของลงมาจากตึก เช้าวันที่ 25 เริ่มมีการจุดไฟเผาภายในอาคาร มีการทะเลาะวิวาทกันเอง และมีการสร้างสถานการณ์กันเอง เราพยายามเข้าไปควบคุมสถานการณ์ พบว่าคนที่ก่อกวนคือกลุ่มคนจีนด้วยกันเอง บางคนเริ่มโพสต์และให้ข่าวสู่โลกภายนอกว่าถูก KNU ปิดล้อมโจมตี มีการแพร่ข่าวผิดๆทางสื่อโซเชียลจำนวนมาก ซึ่ง KNU ขอปฎิเสธว่าไม่มีการทำร้ายประชาชน และพบว่ามีคนจีนเสียชีวิตแล้ว 1 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก แต่ต้องพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตกันต่อไป ตอนนี้ได้ส่งทีมแพทย์เข้าไปรักษาแล้ว”พะโด่ซอตอนี กล่าว

โฆษก KNU กล่าวว่า มีคนจีนที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจำนวนหนึ่งต้องการเดินทางกลับประเทศจีน ดังนั้นจึงได้มีการส่งตัวข้ามมายังฝั่งไทยตลอดทั้งคืนวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยล่าสุดได้มีการส่งคนจีนข้ามมายังฝั่งไทยแล้ว 692 คน ส่วนคนชาติอื่น เช่น ลาว เวียดนาม ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด 26 คนได้ส่งข้ามมาฝั่งไทยแล้วเช่นกัน

“ตอนนี้ยังเหลือชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนอีกจำนวนมากที่อยู่ตามอาคารต่างๆ KNU พยายามขอให้มาลงทะเบียน แต่บุคคลกลุ่มนี้ไม่ยอม บางส่วนแจ้งว่าไม่ประสงค์ที่จะกลับประเทศ และพร้อมที่จะสร้างสถานการณ์ เราประเมินแล้วว่าเขากำลังสร้างความรุนแรง ชุดปฎิบัติการของ KNU ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงมากที่จะบุกเข้าไป เพราะคนเหล่านี้มีอาวุธ ดังนั้นตอนนี้เราจึงใช้วิธีให้ผู้ที่ต้องการออกจะมาลงทะเบียน เราเห็นพวกเขาทะเลาะกันและสกัดกั้นกันเอง” พะโดซอตอนีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางที่จะดำเนินการสำหรับกลุ่มคนจีนที่ยังเหลืออยู่ โฆษก KNU กล่าวว่า มีการประสานให้คนที่ต้องการกลับออกมาก่อน โดยได้มีการประสานกับทางการจีนแล้วโดยสถานทูตจีนประจำย่างกุ้งบอกให้ส่งตัวคนจีนไปที่เมียวดี แต่เป็นไปไม่ได้เพราะยังมีการสู้รบกันอยู่ สิ่งที่เป็นไปได้คือส่งตัวให้ฝั่งไทยและให้ทางการไทยส่งตัวให้ทางการจีน

“หากผู้นำรัฐบาลแต่ละประเทศหารือและสั่งการในพื้นที่จะทำให้การปฎิบัติงานนี้เป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น เพราะตอนนี้ในพื้นที่ต่างประสานกันอยู่แล้วแต่ไม่มีการสั่งการจากข้างบนลงมา เรายังไม่เห็นท่าทีใดๆจากทางการจีนที่ชัดเจน”โฆษก KNU กล่าว

ผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การสู้รบที่ทหารพม่าต้องการเข้าบุกยึดพื้นที่บริเวณนี้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ DKBA เคยยึดครอง โฆษก KNU กล่าวว่า ผู้นำ DKBA หลายคนกำลังถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ถ้าหากยังไม่มีการหยุดปฎิบัติการแบบเดิม เขาต้องรับแรงกดดันจากนานาชาติแน่นอน

เมื่อถามว่า ผู้นำ KNU บางคนก็ถูกโยงว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับสแกมเมอร์ จะอธิบายอย่างไร พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า เราต้องยอมรับว่าเป็นข้อผูกพันที่ผู้นำต่างๆอนุมัติให้เช่าที่ดิน และกลายเป็นต้นเหตุการเกิดสแกมต่างๆ แต่หลังจากนั้น KNU ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนและเรียกตัวคนเหล่านี้มารายงานตัว แต่กลับไม่ให้ความร่วมมือกับ KNU ซึ่งจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อพม่าได้ออกข่าวว่ารัฐบาลทหารพม่ากำลังเร่งปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันทหารพม่าก็ร่วมมือกับ DKBA ข้อเท็จจริงคืออะไร พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า ต้นตอของปัญหาสแกมมาจากรัฐบาลทหารพม่า นับตั้งแต่รัฐประหาร 2564 รายได้จากการค้าขายของรัฐบาลทหารพม่าสูญเสียไปเกือบทั้งหมด แต่เริ่มมีรายได้จากสแกมเมอร์สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นรายได้หลักเนื่องจากสูญเสียบริเวณชายแดนที่เป็นพื้นที่ค้าขายไปกว่า 90 %  ดังนั้นรัฐบาลทหารพม่าจึงหันไปสนับสนุนกลุ่มกองกำลังที่ไม่มีนโยบายชัดเจนแต่เห็นแก่ประโยชน์จากเงินเป็นหลัก ดังนั้นรัฐบาลทหารพม่าจึงร่วมมือกับกองกำลังกลุ่มนี้ และใช้เงินจากสแกมบริหารงาน

“รัฐบาลทหารพม่าพยายามประชาสัมพันธ์ว่ากำลังปราบปรามสแกม ทำลายโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ทิ้ง ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ควรเก็บรักษาไว้จนกว่าจะได้ข้อมูลความจริง และสิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐาน แต่รัฐบาลทหารพม่าพยายามทำลายหลักฐานมากกว่าเพราะข้อมูลสำคัญอยู่ในอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งKNU จะไม่ทำเช่นนั้น เราจะเก็บรักษาของเหล่านี้ไว้เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญแกะข้อมูลออกมา การเก็บรักษาหลักฐานเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก”โฆษก KNU กล่าว

พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า ในการตรวจค้นอาคารพบว่ามีบริษัทที่จดทะเบียนอยู่กับรัฐบาลพม่า แต่กลับไม่เห็นการเปิดเผยชื่อบริษัทในลักษณะนี้จากการบุกตรวจค้นของรัฐบาลทหารพม่าในเคเค ปาร์ค แต่ KNU จะพยายามทำให้เห็นการเชื่อมโยง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ควรนำมาเปิดเผยทั้งหมด เราพยายามจะทำให้เห็นวงจรของสแกมทั้งหมด

“ด้วยกำลังและศักยภาพของ KNU ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง เราต้องการแรงสนับสนุนและความร่วมมือจากนานาชาติเพราะยุติธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้โดยเร็วที่สุด ขนาดตรงนี้แค่พื้นที่เดียวเรายังต้องใช้แรงมหาศาล ที่ผ่านมาเราพยายามช่วยเหลือเหยื่อในทางลับ แม้ไม่มีงบประมาณ แต่หากต้องสู้กับกลุ่มสแกมที่มีอยู่หลายพื้นที่ซึ่งมีเงินมหาศาล เราจึงต้องให้นานาชาติช่วย เราสามารถปฎิบัติการในพื้นที่ได้ แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายๆประเทศด้วย” โฆษก KNU กล่าว

วันเดียวกันกองกำลัง DKBA ได้ออกแถลงการณ์จากสำนักงานกองบัญชาการทหารสูงสุด(ส่ง ซี เหมี่ยง) เพื่อประกาศให้ทราบว่า “DKBA ไม่อนุญาตให้กำลังติดอาวุธใดๆ ผ่านไปมาระหว่าง ผาลูน้อย - วาเล่ย์ และ ซูกาลี ถ้าหากมีความจำเป็นเร่งด่วนขอแจ้งข่าวให้ทราบล่วงหน้า”

ทั้งนี้เส้นทางผาลูน้อย-วาเล่ย์และซูกาลี เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมียวดีกับซูกาลีเลียบแม่น้ำเมยซึ่งผ่านพื้นที่ยึดครองของ KNU ด้วยถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ ซึ่งประกาศนี้เพื่อไม่ต้องการให้ KNU ใช้เส้นทางดังกล่าว

ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่บริเวณหลังห้วยมหาวงศ์ บ้านแม่โกนเกน อ.แม่สอด จ.ตาก มีชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน จากแหล่งสแกมเซ็นเตอร์มินเลตปานได้รวมตัวกันนั่งรอเรือข้ามแม่น้ำเมย บางส่วนใช้ความมืดหลบหนีเข้าไทย ขณะที่ทหารราชมนู ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 35 ตรึงกำลัง เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top