บุกทลาย‘แก๊งคอล’เกาหลี หนีเช่าคอนโดใจกลางกรุง ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติ

บุกทลาย‘แก๊งคอล’เกาหลี หนีเช่าคอนโดใจกลางกรุง ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติ

วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

บุกทลาย‘แก๊งคอล’เกาหลี

หนีเช่าคอนโดใจกลางกรุง

ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติ

เสียหายกว่า500ล.

ตร.บุกทลายแก๊งคอลเกาหลีใต้ หนีจากเพื่อนบ้าน เช่าคอนโดฯใจกลางกรุง-เปิดออฟฟิศ หลอกเพื่อนร่วมชาติ เสียหายกว่า500 ล้าน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2568 พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท. ,พ.ต.ท.เอกพล แสงอรุณ รอง ผกก.1 บก.ปอท.Mr.kim doodung เจ้าหน้าที่แผนกกงสุลตำรวจ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ และชาวจีน จำนวน 17 ราย


ได้แก่ นายลี จองมิน อายุ 31 ปี ,นายคิม อินแท อายุ 32 ปี ,นายฮา แทกุน อายุ 38 ปี ,นายคิม จียุล อายุ 32 ปี ,นายออม ซอนฮัน อายุ 34 ปี ,นายคิม จุนย็อบ อายุ 28 ปี ,นายบยอน เจซ็อล อายุ 33 ปี ,นายคิม อึนกยุน อายุ 43 ปี ,นายคว็อน ซ็องกยุน อายุ 30 ปี ,นายฮง ยุล อายุ 29 ปี ,นายโจ มุนช็อล อายุ 35 ปี ,นายอิม แทฮวัน อายุ 35 ปี ,นายลี จองบิน อายุ 29 ปี ,นายลี แทกวอน อายุ 27 ปี ทั้งหมดสัญชาติเกาหลีใต้ ส่วน นายหลิว หมิงเจิ้ง อายุ 29 ปี ,นายอี แชฮวา อายุ 43 ปี และนายชา รินฮู อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”

พล.ต.ท.เชาวศักดิ์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลีใต้ มีแนวทางร่วมกันทำงานสืบสวนและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่เชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ จนพบเบาะแสกลุ่มคนร้ายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ สัญชาติเกาหลีใต้ ที่หลบหนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังประเทศไทย โดยพบเบาะแสหลบซ่อนตัวอยู่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตนจึงสั่งการให้ตำรวจ บก.ปอท.นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบ

ด้าน พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นพบผู้ต้องหาสัญชาติเกาหลีใต้ 4 คน ซึ่งพบว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ลักษณะหลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่ โดยตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยแอบอ้างเป็นบริษัทรีสอร์ตชื่อดังของประเทศมาเลเซีย “Genting Malaysia” เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อสัญชาติเดียวกันหลงเชื่อและร่วมลงทุน อ้างผลตอบแทนสูง มีผู้เสียหายชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก รวมความเสียหายทั้งสิ้น 20,160,531,817 วอนเกาหลี (KRW) หรือประมาณ 500 ล้านบาท ทราบด้วยว่าก่อเหตุตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ถึงเดือนพฤษภาคม 2025 และหลบหนีการจับกุมมาโดยตลอด

ส่วน พ.ต.อ.ภานุภัท กล่าวว่า เบื้องต้นตรวจสอบพบผู้ต้องหาทั้งหมดมีหมายจับของตำรวจสากล ก่อนสืบสวนขยายผลจนพบผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมาเช่าคอนโดมิเนียม ย่านพระราม 3 และย่านลุมพินี เพื่อใช้เป็นที่ซ่อนตัว และเปิดเป็นสำนักงานใช้หลอกลวงเพื่อนร่วมชาติ จึงรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลแขวงพระนครใต้ เพื่อเข้าทำการตรวจค้นคอนโดมิเนียมทั้ง 2 แห่งดังกล่าว

พ.ต.อ.ภานุภัท กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นพบภายในห้องพักถูกดัดแปลงเป็นห้องขนาดเล็กประมาณ 20 ห้อง แต่ละห้องมีโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเปิดหน้าจอค้างอยู่ มีข้อความบทสคริปต์วางอยู่ที่โต๊ะ สำหรับพูดหรือพิมพ์เพื่อใช้ในการหลอกลวงทางออนไลน์ รายชื่อเหยื่อชาวเกาหลีใต้ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์, เอกสารปลอมแอบอ้างเป็นหนังสือทางราชการของอัยการประเทศเกาหลีใต้ และบัตรประจำตัวปลอมของอัยการของเกาหลีใต้ ซึ่งบทในสคริปต์ดังกล่าวใช้เป็นต้นแบบ สำหรับหลอกลวงเหยื่อ ผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนโทรศัพท์ที่ใช้ พบว่าเป็นการโทรผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP) เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกับเหยื่อในประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการปลอมเป็นอัยการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีใต้ โทรศัพท์ข่มขู่เหยื่อว่ามีคดี และหลอกให้โอนเงินมาให้กลุ่มคนร้าย

พ.ต.อ.ภานุภัท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คนร้ายยังใช้วิธีปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารของประเทศเกาหลีใต้ หลอกให้กู้เงิน และให้โอนเงินค่าดำเนินการ ซึ่งจากการตรวจค้นคอนโดฯที่ย่านพระราม 3 จับกุมตัวผู้ต้องหาได้อีก 10 ราย แยกเป็นชาวเกาหลีใต้ 8 ราย และชาวจีน 2 ราย ส่วนคอนโดฯ ย่านลุมพินี จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย เป็นชาวเกาหลีใต้ 2 ราย และชาวจีน 1 ราย ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่าเข้ามาทำงานภายในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งสน.บางโพงพาง และ สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวอีกว่าจากพฤติการณ์ทั้งหมด เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันหลอกลวงเหยื่อชาวเกาหลีใต้ให้หลงเชื่อและโอนเงินให้คนร้าย โดยจัดเตรียมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ VoIP กว่า 50 เครื่อง, โทรศัพท์ 35 เครื่อง, บทสคริปต์หลอกลวงและบัตรประจำตัวอัยการประเทศเกาหลี (บัตรปลอม) และเอกสารหลายอื่นๆ อีกหลายสิบรายการ แต่ไม่พบว่าเคยหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทย

หลังจากนี้จะประสานงานสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากผู้ต้องหาถูกดำเนินในประเทศไทยแล้ว ก็จะส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่เกาหลีใต้ต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top