ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกและจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร การโอนหรือตกทอดทางมรดกสิทธิการเช่าหรือเช่าซื้อ และการจัดการทรัพย์สินและหนี้สินของเกษตรกรผู้ได้รับที่ดิน พ.ศ. 2564 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกและจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 3 กรณี คือ
1) กรณีการจัดที่ดินรอบแรก จะมุ่งเน้นการจัดที่ดินให้แก่ผู้ถือครองที่ดินเดิมที่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรตามกฎหมาย เพื่อให้เกษตรกรดังกล่าวมีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในในที่ดินโดยชอบตามกฎหมาย ส.ป.ก. โดยหากที่ดินที่เกษตรกรผู้ถือครองที่ดินเดิมได้รับการจัดที่ดินนั้นเป็นที่ดินของรัฐ เกษตรกรจะได้รับสิทธิการเข้าทำประโยชน์ (ส.ป.ก. 4-01) แต่หากเป็นที่ดินที่ ส.ป.ก. จัดซื้อมา (ที่ดินเอกชน) เกษตรกรผู้เช่าที่ดินที่จัดซื้อ เกษตรกรผู้ยากจน หรือผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก จะได้รับการจัดที่ดิน โดยการทำสัญญาเช่าหรือสัญญาเช่าซื้อที่ดินจาก ส.ป.ก.
2) กรณีการจัดที่ดินรอบใหม่ (รอบสอง ขึ้นไป) อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากกรณีการโอนสิทธิหรือสละสิทธิของเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินรอบแรก รวมทั้งในกรณีที่เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินรอบแรกนั้นเสียชีวิตลง ซึ่งเกษตรกรดังกล่าวล้วนประกอบเกษตรกรรมในรูปแบบครอบครัวเกษตรกร กรณีนี้ จะมุ่งเน้นการจัดที่ดินให้แก่คู่สมรส บุตร เครือญาติ หรือทายาทของเกษตรกรดังกล่าว โดยคู่สมรส บุตร เครือญาติ หรือทายาทนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรตามกฎหมาย และต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ในทรัพย์สินและหนี้สินที่เกษตรกรรายเดิมมีอยู่อันเนื่องมาจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินในกรณีนี้จะได้รับสิทธิเช่นเดียวกับเกษตรกรรายเดิม (สัญญาเช่า สัญญาเช่าซื้อ หรือสิทธิการเข้าทำประโยชน์ (ส.ป.ก. 4-01) แล้วแต่กรณี)
3) กรณีการจัดที่ดินแปลงว่าง อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากกรณีการจัดที่ดินรอบแรกที่ไม่มีผู้ถือครองที่ดินเดิมหรือผู้ถือครองที่ดินเดิมไม่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกร หรือในกรณีที่เกษตรกรถูกสั่งสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์เนื่องจากกระทำผิดระเบียบการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของ ส.ป.ก. หรือที่ดินที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ส่งมอบให้แก่ ส.ป.ก. รวมทั้งในกรณีที่เกษตรกรซึ่งได้รับการจัดที่ดินรอบแรกนั้นไม่มีคู่สมรส บุตร เครือญาติ หรือทายาท หรือมีแต่บุคคลดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรหรือไม่ประสงค์จะขอรับการจัดที่ดินต่อจากเกษตรกรรายดังกล่าว โดยในการจัดที่ดินแปลงว่างนี้จะมุ่งเน้นการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรซึ่งขึ้นทะเบียนขอรับการจัดที่ดินไว้กับ ส.ป.ก. ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินจะต้องทำสัญญาเช่าที่ดินจาก ส.ป.ก.
ทั้งนี้ หากเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินซึ่งได้รับการจัดให้เข้าทำประโยชน์ มีเหตุจำเป็นต้องจัดการทรัพย์สินหรือหนี้สินที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ได้รับที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อาจยื่นคำขอสละสิทธิของตนต่อ ส.ป.ก.จังหวัด เพื่อให้เกษตรกรอื่นนอกเหนือจาก เกษตรกรซึ่งเป็นคู่สมรส บุตร หรือเครือญาติ เป็นผู้ได้รับพิจารณาจัดที่ดินแทนที่ได้โดยการเช่า หากเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินนั้นอยู่ในหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) เป็นเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินซึ่งชราภาพ หรือทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือประสงค์จะประกอบอาชีพอื่น (2) เกษตรกรผู้ได้รับที่ดินไม่ประสงค์จะทำประโยชน์ในที่ดินนั้นอีกต่อไป โดยไม่มีคู่สมรสและบุตร หรือมีแต่บุคคลดังกล่าวไม่ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมในที่ดินนั้น (3) เป็นการขอสละสิทธิในที่ดินทั้งหมดที่ตนได้รับจัดที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
โดยเกษตรกรอื่นต้องจ่ายค่าชดเชย ต้องจัดการทรัพย์สินหรือหนี้สินที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เกษตรกรเดิมได้รับที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อาทิ เช่น ไม้ยืนต้นทางการเกษตร โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือมูลค่าการปรับปรุงพัฒนาที่ดินเพื่อให้เหมาะสมต่อการเกษตรกรรม รวมถึงค่าภาระติดพันอยู่ หรือมีหนี้สินค้างชำระกับ ส.ป.ก. หรือสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการกับ ส.ป.ก. หรือสถาบันเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน!!!
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี