7จว.ลุ่มเจ้าพระยา

กรมชลฯเตือนเสี่ยงน้ำท่วม

ยโสธรจมบาดาลแล้ว9อำเภอ

กรมอุตุฯเตือนทั่วไทยยังมีฝนหนัก ด้านชลประทานแจ้ง 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา เฝ้าระวังน้ำท่วม ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน แม่น้ำสายหลักปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ จ.ยโสธร น้ำท่วมขยายวงกว้าง รวม 9 อำเภอ

เมื่อวันที่ 19กันยายนกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ตั้งแต่ จ.ระนอง ขึ้นมา มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน ตั้งแต่ จ.พังงา ลงไป และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ด้านกรมชลประทาน โดย ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการ7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ภายหลังเกิดฝนตกหนักทางตอนบนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้มีน้ำไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ต่อเนื่อง ปริมาณ 822 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที จึงให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำ เนื่องจากคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มสูงขึ้น ประมาณ 500-700ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถึงบริเวณ อ.เสนา และ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 1 เมตร ถึง 1.2 เมตร แต่ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับตลิ่ง

วันเดียวกัน นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง และเกิดดินสไลด์ปิดทับเส้นทางไปบ้านห้วยปูลิง ต.ห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และอีกหลายพื้นที่ ซึ่งถนนถูกดินสไลด์ลงกีดขวางทางจราจร ทำให้การคมนาคมระหว่างหมู่บ้านที่อยู่บนยอดเขา ประสบกับปัญหา จึงแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ให้ระมัดระวังในการสัญจรเส้นทางต่าง ๆรวมถึงเกษตรกรที่อาศัยอยู่ตามที่ลุ่มติดแม่น้ำปาย ให้ระมัดระวังน้ำท่วม โดยกระแสน้ำในแม่น้ำปาย ได้เอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรบางส่วนแล้ว ในส่วน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน มีหลายหมู่บ้านที่ประสบอุทกภัย ได้รับความเสียหายหนักมากที่สุดในรอบ 50ปีและอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมถนน เหมือง ฝายต่างๆ ซึ่งบางแห่งยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมและยังไม่แล้วเสร็จ ส่งผลกระทบต่อราษฎรเป็นอย่างมาก

ที่ จ.ยโสธร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ได้ขยายวงกว้างไปแล้ว9 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองอ.คำเขื่อนแก้ว อ.มหาชนะชัย อ.เลิงนกทา อ.ไทยเจริญ อ.ป่าติ้ว และ อ.ค้อวัง โดยมวลน้ำได้ล้นตลิ่งแม่น้ำชี ลำน้ำยังและลำน้ำเซบาย ไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนแล้วใน 7 อำเภอ 23 ตำบล 92 หมู่บ้าน เกษตรกร 4,325 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วม 37,322.25 ไร่ คาดว่าจะได้รับความเสียหาย 29,962.25 ไร่ วงเงินการช่วยเหลือ 40,352,455บาท สำหรับสถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังมีมวลน้ำไหลมาจาก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.กาฬสินธ์ ทำให้น้ำสะสมและเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรของประชาชนเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ จ.เชียงราย ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืนติดต่อกัน 2-3 วัน ส่งผลให้แม่น้ำสายต่างๆ เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงน้ำจากแม่น้ำลาว ซึ่งมีต้นน้ำมาจากดอยนางแก้ว เขตรอยต่อระหว่าง จ.เชียงใหม่ กับ จ.เชียงราย ที่เพิ่มปริมาณสูงจนเต็มตลิ่ง และบางจุดได้เอ่อล้นตลิ่งแล้ว เช่น บ้านป่าก่อดำเหนือ หมู่ 9 บ้านป่าก่อดำ หมู่ 12 และบ้านต้นม่วง หมู่ 3 เบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมประมาณ 20 หลัง ระดับน้ำสูง 20-50 เซนติเมตร อย่างไรก็ดี สถานการณ์น้ำเริ่มลดระดับลงบ้างแต่ยังต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง จึงคงเหลือเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่

ว่าที่ ร.ต.ดำรงศักดิ์ ขวัญชัย นายกเทศมนตรี ต.ป่าก่อดำ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ลุ่มและติดลำน้ำลาว โดยแม่น้ำลาวเพิ่มระดับสูงขึ้น ทำให้บ้านเรือนมักจะถูกน้ำท่วมเป็นประจำ เบื้องต้นทางเทศบาลฯ ได้เร่งสำรวจและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีการขนย้ายทรัพย์สินมีค่าขึ้นที่สูง ช่วยดูแลด้านความเป็นอยู่และความปลอดภัย หากปริมาณน้ำลาวเพิ่มสูงขึ้นอีกก็จะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป