ตามคาด!!! กรมราชทัณฑ์ อ้างความเห็นแพทย์รพ.ตำรวจ ระบุเหตุความจำเป็นที่'ทักษิณ'ต้องนอนรักษาตัวเกิน 30 วันเนื่องจากการรักษายังไม่สิ้นสุดเพราะได้เข้ารับการผ่าตัดฯ เผยอดีตนายกฯเป็น 1 ใน 14 ผู้ต้องขังรักษาตัวรพ.นอกเรือนจำครบ 30 วันเดือนนี้
วันที่ 20 กันยายน 2566 กรมราชทัณฑ์ชี้แจงประเด็นที่สื่อให้ความสนใจในกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในความควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งรับตัวไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และต่อมามีอาการป่วยฉุกเฉินต้องส่งตัวออกรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจในคืนดังกล่าว โดยจะครบระยะเวลา 30 วัน ที่ส่งตัวออกไปรักษาพยาบาลภายนอก ในวันพรุ่งนี้ (21 กันยายน 2566)
ในการนี้ กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 กำหนดไว้ว่า กรณีผู้ต้องขังพักรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่า 30 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมความเห็นของแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วยและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมราชทัณฑ์ได้รับหนังสือจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รายงานความเห็นแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ระบุเหตุผลความจำเป็นของนายทักษิณ ชินวัตร ที่จำเป็นต้องรักษาตัวเกิน 30 วัน เนื่องจากการรักษายังไม่สิ้นสุดเพราะได้เข้ารับการผ่าตัดฯ และยังคงต้องรักษาตัวอยู่ต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลาปีงบประมาณพ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์มีสถิติผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่า 30 วัน จากเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศกว่า 140 ราย และในเดือนนี้มีสถิติ จำนวน 14 ราย ที่เสนอมายังกรมราชทัณฑ์(รวมกรณีนายทักษิณ) และกรมราชทัณฑ์ได้เห็นชอบตามความเห็นของแพทย์ที่ทำการรักษาเสนอมา โดยที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามความเห็นแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วย และคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้ต้องขังเป็นสำคัญ ส่วนรายละเอียดของผู้ป่วยทุกราย ตามกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยให้ทราบได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี