8 พ.ย.56 ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีดำ อ.2419/2550 คดีแดง อ.2305/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ หรือเสธ.น็อต อายุ 45 ปี อดีตนายทหารประจำ บก.สส.(สน.3 จชต.ยะลา) นายสุขุม หรือเบียร์ เจือแจ่มจันทร์ อายุ 33 ปี และนายวิฑูรย์ นิยกิจ อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่า พยายามฆ่า ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2550 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 3 กับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยิง ด.ต.มาโนช ศรีละคร กับ ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 จำนวนหลายนัด จนถึงแก่ความตายทั้ง 2 คน ขณะบุกเข้าไปจับกุมจำเลยทั้ง 3 กับพวก ภายในห้องเลขที่ 305 เดอะ ลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 5073/8 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ใช้เสพยาและพักยาเสพติด นอกจากนี้ จำเลยยังได้ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของ ร.ต.ท.สาริษฐ์ อักษร รอง สว.กก.สส.บก.น.1 จน ร.ต.ท.สาริษฐ์ ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
โจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 , 140 , 289 นอกจากนี้ นางสุดใจ อาจหนองหว้า มารดา ส.ต.ท.ไสว เรียกค่าเสียหาย จำนวน 2,340,000 บาท และนางลัดดา ศรีละคร ภรรยาของ ด.ต.มาโนช เรียกค่าเสียหาย จำนวน 2,908,000 บาท
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2552 ว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ จำคุกคนละ 4 ปี ฐานมีอาวุธสงครามในครอบครองฯ จำคุกคนละ 4 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ จำคุกคนละ 2 ปี ทั้งนี้จำเลยที่ 1 และ 3 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน จึงให้ประหารชีวิตสถานเดียว จำเลยที่ 1 และ 3 อันเป็นบทหนักสุด โดยไม่จำต้องรวมโทษของจำเลยที่ 1 และ 3 กับคดีหมายเลขดำที่ อย.2154/2550 ส่วนจำเลย 2 จำคุก 10 ปี และให้นับโทษของจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขดำที่ อย.2154/2550 กับให้จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันชดใช้เงินให้แก่ นางสุดใจ อาจหนองหว้า มารดา ส.ต.ท.ไสว จำนวน 1,180,000 บาท และนางลัดดา ศรีละคร ภรรยาของ ด.ต.มาโนช จำนวน 2,440,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
จำเลยทั้ง 3 ยื่นอุทธรณ์ว่าไม่มีส่วนในการกระทำผิด ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ พิพากษากลับ ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา ส่วนจำเลยที่ 1 คงพิพากษาให้ประหารชีวิต
โจทก์ฎีกาว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 และ 3 เพราะกระทำผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ในส่วนของจำเลยที่ 1 โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า ติดตาม นายพนม ลออแท้ คนร้ายคดียาเสพติด ไปที่ห้อง 305 ที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ตายทั้ง 2 เข้าไปแสดงตัวก็ถูกคนร้ายที่อยู่ในห้องยิงหลายนัด เจ้าหน้าจึงยิงต่อสู้ กระสุนถูกนายพนม ถึงแก่ความตายจากนั้น จำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับบาดเจ็บวิ่งหลบเข้าไปในห้อง 303 และขอมอบตัว เห็นว่าประจักษ์พยานโจทก์ทั้ง 4 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามหน้าที่ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน และจำเลยที่ 1 ก็รับว่าขณะเกิดเหตุยิงกัน จำเลยที่ 1 ก็อยู่ในที่เกิดเหตุเพียงแต่ อ้างว่าไม่ได้อยู่ในห้อง 305 และไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเท่านั้น กรณีจึงยังไม่มีเหตุให้ระแวงว่า ประจักษ์พยานโจทก์จะเบิกความปรักปรำจำเลยโดยปราศจากความจริง นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า กระสุนปืนที่ยิงเป็นกระสุนจากอาวุธปืนที่จำเลยที่ 1 ขอยืมมาจากน้องชาย และเป็นอาวุธปืนเพียงกระบอกเดียวที่ใช้ก่อเหตุในคดีนี้
ดังนั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้าย ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยิงผู้ตาย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 นั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 และ 3 อยู่ในห้องพักกับจำเลยที่ 1 แต่เหตุการณ์ที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้ง 2 คน ขณะเข้าไปในห้องเกิดเหตุอย่างกะทันหัน และอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุก็ยังเป็นกระบอกเดียว กับที่จำเลยที่ 1 ใช้ยิงผู้ตายทั้ง 2 ทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน แม้จากการตรวจสอบเขม่าดินปืนที่มือของจำเลยที่ 3 จะพบธาตุองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับดินปืน แต่เจ้าพนักงาน กองพิสูจน์หลักฐานเบิกความว่า เป็นไปได้ว่า เขม่าดินปืนอาจปลิวไปติดที่มือก็ได้ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 และ 3 ที่อยู่ในห้องเดียวกับจำเลยที่1 ตามที่โจทก์ฟ้องยังมีข้อสงสัยว่า จะร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยทั้ง 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.227 วรรค 2 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาคงพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1 สถานเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้ พ.ต.ชานนท์ จำเลยที่ 1 ซึ่งถูกคุมขังที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ฟังแล้ว วันนี้จึงมีเฉพาะจำเลยที่ 2 และ 3 ซึ่งเบิกตัวจากเรือนจำบางขวางมาฟังคำพิพากษาเท่านั้น
ติดตามเฟซบุ๊กร่วมเป็นแฟนเพจแนวหน้าออนไลน์ได้ที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี