ปลัดมท.สั่งผู้ว่าฯ

เฝ้าระวังชายแดนภาคใต้

การข่าวพื้นที่ต้องแม่นยำ

นายกฯ “อิ๊งค์” ถก “รมว.กลาโหม-ผบ.ตร.-ปลัดมท.” สางไฟใต้ กำชับยุติความรุนแรง สร้างความมั่นใจ เน้นย้ำบูรณาการแก้ปัญหา ส่วน “ปลัดมท.” กำชับผู้ว่าฯ ต้องอยู่ในพื้นที่สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ชี้การข่าวต้องแม่นยำ ติดกล้อง CCTV สกรีนการเข้าออกชายแดน ขณะที่โจรใต้ยังป่วน ไล่เผากล้อง-ติดป้ายผ้าหลายจุดในยะลา

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 พฤษภาคม ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือถึงสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเป็นการหารือต่อเนื่องในเรื่องดังกล่าวที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย น.ส.แพทองธาร กำชับให้ยุติความรุนแรงให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่

จากนั้นเวลา 11.30 น. น.ส.แพทองธาร ทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ ว่าจากการประชุมติดตามสถานการณ์ภาคใต้ ร่วมกับ ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้เสนอให้มีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน วันเดียวกันนี้ จึงได้เชิญท่านปลัดฯ มหาดไทย และ ผบ.ตร.เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ในภาคใต้ สิ่งหนึ่งที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกัน คือการบูรณาการการทำงานในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ประกอบด้วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน ช่วยกันทำงานทั้งเชิงรับและเชิงรุก

รวมถึงการร่วมมือกันในระดับจังหวัด อำเภอ และหมู่บ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน จึงขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้พูดคุยกับทางกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ทำงานร่วมกันระดับชุมชน นอกจากนี้ได้ย้ำว่า หากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติขาดอุปกรณ์ใดๆ ทั้งด้านยุทโธปกรณ์ หรือเครื่องมือต่างๆ ให้แจ้งมาที่ส่วนกลาง เพื่อจะได้จัดหา และอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงข้อสั่งการกรณีเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่ากระทรวงมหาดไทยมีมวลชนในพื้นที่ แต่ต้องมีเรื่องการข่าวที่แม่นยำ เนื่องจากมีการข้ามกันไปมาระหว่างชายแดน ต้องตรวจตราเรื่องคนเข้าเมือง ทั้งช่องทางปกติ และช่องทางธรรมชาติ อย่างการติดตั้งกล้อง CCTV ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ พื้นที่ชายแดนภาคใต้ ให้ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดและอยู่ในพื้นที่กับประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจ บูรณาการทำงานร่วมกันในพื้นที่ ส่วนกระทรวงมหาดไทย ที่มีกลไกกองอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการ อส.เน้นย้ำเรื่องกำลังพลให้อยู่ในที่ตั้ง ไม่ออกนอกพื้นที่ในยามวิกาล รวมทั้งต้องมีการผลัดเวรรักษาฐานปฏิบัติการให้เรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง อย่าให้มีการทิ้งช่วงเวร รวมถึงต้องควบคุมการสั่งจ่ายยุทโธปกรณ์

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ขณะที่นายกฯ สั่งการให้ทุกหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดตามหน้าที่ พร้อมทั้งขอให้แต่ละหน่วยงานหาแนวทาง และปัจจัยที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย รวมถึงการทำงานบูรณาการร่วมกันของแต่ละหน่วยงาน ก่อนจะหารือกับนายกฯ อีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า

ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ช่วงเช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ได้แจ้งประสานหน่วยงานความมั่นคง ว่าเกิดเหตุคนร้ายลอบเผากล้อง CCTV ของเทศบาล ต.กาบัง มีกล้องที่ได้รับความเสียหาย 1 ตัว และพยายามเผากล้องที่ติดตั้งใหม่อีก 2 ตัว บริเวณทางเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา จึงกำชับให้กำลังพลประสานการทำงานร่วมกัน ก่อนจะเข้าตรวจสอบเหตุ และเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครชุดคุ้มครอง ต.บ้านแหร ว่ามีผู้ลอบแขวนป้ายผ้า ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านวังศิลา หมู่ 11 บ้านบ่อหินนอ ต.บ้านแหร อ.ธารโต โดยขึงป้ายคร่อมถนนสาย 410 (ยะลา-เบตง) จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบ ขณะที่ อ.เมือง จ.ยะลา พบว่ามีการแขวนป้ายผ้า และวางวัตถุต้องสงสัยบริเวณเพิงพังริมทาง พื้นที่หมู่ 1 ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา และตรงข้ามยูเทิร์น บ้านพิกุล หมู่ 6 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นบริเวณที่เกิด เหตุ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว

สำหรับสาเหตุในการลอบกระทำการครั้งนี้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนของกลุ่มแนวร่วมที่เพิ่งเข้าสู่ขบวนการผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป