กรมคุกจ่อฟันจนท.

เอี่ยวช่วย‘เสี่ยแป้ง’

‘บอย’เปิดปากช่วย

เผ่นหนีออกจากรพ.

กรมราชทัณพ์ เร่งสอบข้อเท็จจริงปม “เสี่ยแป้ง นาโหนด” แหกคุกชี้หากเจ้าหน้าที่ผู้คุมผิดจริงมีโทษทั้งวินัย-อาญา จ่อล้อมคอก ยกระดับการคุมตัวนักโทษสำคัญนอกเรือนจำ ด้าน “บอย” หนึ่งในผู้ช่วยเหลือ‘เสี่ยแป้ง’หลบหนี เปิดปากรับวางแผนกับพวก ก่อนช่วยพาตัวหนี ตร.เร่งสอบสวนรวบรวมหลักฐาน เอาผิด

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นช.เชาวลิต ทองด้วง หรือ ‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’ อายุ 37 ปี ผู้ต้องขังในความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืน ก่อเหตุหลบหนีขณะเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้ให้การช่วยเหลือ ซึ่งต่อมาศาลได้ออกหมายจับ 5 ราย ได้แก่ น.ส.ยุวเรศ กลศึก หรือหมวย (คนว่าจ้าง น.ส.วิลาวัลย์) , น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์ หรือไหม (คนเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง) , นายจักรี แป้นน้อย หรือบิ๊ก , นายจีระวุฒิ ชุมศรี หรือบอย และนายคเณศ ทองประจง ในความผิดฐานร่วมกันกระทำการด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาลซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป หลุดพ้นจากการคุมขังไป ว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงเร่งติดตามตัวเสี่ยแป้ง กับพวก อย่างต่อเนื่อง

ด้านนายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังคงอยู่ระหว่างสอบสวนและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากคณะกรรมการฯ ได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว กรมราชทัณฑ์ จะชี้แจงต่อสาธารณะให้รับทราบต่อไป

นายณรงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นผู้คุมราชทัณฑ์มีการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อหรือไม่ หรือมีการเอื้อประโยชน์ให้นักโทษก่อเหตุหลบหนีหรือไม่ หากพบการกระทำผิดหรือมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายใดเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทางกรมราชทัณฑ์ ก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและอาญา

นายณรงค์ กล่าวถึงกรณีที่ระยะหลัง พบว่าผู้ต้องขังคดีร้ายแรงมีการวางแผนก่อเหตุหลบหนีในระหว่างถูกควบคุมตัวออกมานอกเรือนจำมากขึ้นนั้น ปกติแล้วภายในเรือนจำทุกแห่ง จะมีมาตรการดูแลผู้ต้องขังอย่างเข้มงวด ทำให้ผู้ต้องขังต้องไปวางแผนจากสถานที่อื่น ซึ่งเป็นช่องว่างที่มีความเสี่ยงน้อย โดยกรมราชทัณฑ์ จะมีมาตรการป้องกันที่คุมเข้ม ทั้งการใส่เครื่องพันธนาการ การเดินตรวจตราเป็นพิเศษ ส่วนจะมีการเพิ่มจำนวนผู้คุมราชทัณฑ์มากกว่า 2 คนต่อการดูแลผู้ต้องขัง 1 คน หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะพิจารณา

ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ยังมั่นใจว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีได้ และหากพบว่ามีผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องอีกโดยพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงก็จะขออำนาจศาลออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดีด้วย

ส่วน พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ควบคุมตัวนายคเณศ ทองประจง หรือบอย อายุ 28 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติม ภายหลังจับกุมตัวไว้ได้ โดยนายคเณศ เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้การช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ในการหลบหนีในครั้งนี้ โดยนายคเณศ เปิดปากรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากนายจักรี หรือบิ๊ก 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับไปแล้ว ให้ร่วมทีมช่วยเหลือเสี่ยแป้ง หลบหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช

นายคเณศ ให้การอีกว่า ในคืนแรกคือเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ขับจักรยานยนต์ยี่ป้อเวสป้า สีขาว ไปยัง รพ.ดังกล่าว เพื่อนำซิมโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ตัดโซ่ตรวน อาวุธปืน และชุดสำหรับเปลี่ยนไปให้นายจักรี และ น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม ที่ด้านหลัง รพ.ก่อนจะหิ้วกระเป๋าใส่อุปกรณ์ทั้งหมด ขึ้นไปส่งให้เสี่ยแป้ง ถึงตึกผู้ป่วย แต่ปรากฏว่ายังไม่สามารถตัดโซ่ตรวน ได้สำเร็จ จึงขับจักรยานยนต์ ออกจาก รพ.กลับบ้านเช่า ที่ริมถนนพัฒนาการคูขวาง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และวันรุ่งขึ้นได้วางแผนใหม่ ด้วยการนำกุญแจผีขึ้นไปบนตึกผู้ป่วย จนสามารถสะเดาะกุญแจได้ แล้วจึงพากันหลบหนีในที่สุด

ทั้งนี้ ภายหลังการสอบสวน กำลังเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายคเณศ ไปชี้จุดเกิดเหตุต่างๆ บริเวณด้านหลังอาคาร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจุดนัดพบกับกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อวางแผนก่อเหตุ แต่ในคืนแรกยังลงมือไม่สำเร็จ ก่อนจะมาก่อเหตุสำเร็จในคืนที่ 2 จากนั้นได้คุมตัวไปค้นบ้านเช่าใน ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อค้นหาหลักฐานต่างๆ นำมาประกอบการพิจารณาดำเนินคดี