"หมอเณร" หมอยาสมุนไพรชื่อดังเมืองกาญจนบุรีเดือดนำโฉนดที่ดินพร้อมแผนที่แสดงขอบเขตขึ้นโรงพัก สภ.ห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี แจ้งความดำเนินคดีเจ้าของที่ข้างเคียงและช่างรังวัดที่ดินในข้อหาร่วมกันบุกรุกที่ดินและ ม.157 คาดพื้นที่ที่ถูกบุกรุกประมาณเกือบ 2 ไร่
วันนี้ (28 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอยาสมุนไพรชื่อดังเมืองกาญจนบุรี ว่าที่ดินของตนที่มีอยู่เกือบ 100 ไร่ถูกเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงนำช่างมารังวัดรุกกินที่ดินของตนเข้าไปกว้างประมาณ 5 เมตร ยาวประมาณ 600 เมตร โดยตนจะไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยกระเจา เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของแปลงที่ดินและช่างรังวัดในข้อหาร่วมกันบุกรุกที่ดินและ ม.157 ต่อช่างรังวัดอีก 1 คดี ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบนายชัยรัตน์ หรือหมอเณร ที่สวนสมุนไพรเลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
ไปถึงพบนายชัยรัตน์ พร้อมคนงานรออยู่ภายในสำนักงาน จากนั้นนายชัยรัตน์ ได้นำพาไปตรวจสอบเสาปักหลักเขตที่ดินแปลงของนายชัยรัตน์ ที่อยู่ท้ายหลังสวนสมุนไพร ของโฉนดที่ดิน นส.4 จ.เลขที่ 4762 โดยนายชัยรัตน์ ได้ให้คนงานใช้ตลับเมตรมาวัดความยาวยาวและกว้างตั้งแต่เสาปักเขตตลอดแนวที่ถูกรุกที่ดินยาวไปจนถึงด้านหน้าสวนสมุนไพรที่ติดกับถนนสายหลัก โดยพื้นที่ที่ถูกบุกรุกนั้นนายชัยรัตน์ แจ้งให้ทราบว่ายาวประมาณ 600 เมตร ส่วนความกว้างนั้นลดหลั่นกันไป บางช่วงกว้าง 6 เมตร บางช่วงกว้าง 5 เมตร ส่วนบริเวณด้านหน้ากว้างถึง 10.50 เมตร หากคำนวณออกมาแล้วคาดว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกน่าจะประมาณเกือบ 2 ไร่
ทั้งนี้ นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอสมุนไพรชื่อดังเล่าว่าที่ดินของตนมีอยู่เกือบ 100 ไร่มีโฉนดอยู่ 3 ใบเมื่อก่อนจังหวัดกาญจนบุรี จะกันที่ดินแปลงที่อยู่ติดกันเอาไว้เป็นแนวกันไฟและสามารถให้ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางขนสินค้าทางการเกษตรได้ โดยเป็นเหมือนกันทั้งจังหวัด โดยตนได้ตกลงกันแนวกันไฟกับเจ้าของที่ดินที่อยู่กันคนละครึ่งโดยมีเสาหินปักอยู่ตรงกลางเพื่อให้รู้ว่าที่ดินของแต่ละคนอยู่แนวเขตใด ซึ่งที่ดินของตนที่กันเอาไว้เป็นแนวกันไฟอยู่ทางด้านตะวันตกในโฉนดเลขที่ 4762 รถที่เข้ามาบรรทุกอ้อยสามารถวิ่งสวนทางกันได้ ซึ่งสมัยนั้นก็ได้ตกลงกันแล้วโดยไม่มีปัญหาอะไร
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ช่างรังวัดได้นำหลักหินมาปักรุกเข้าในแปลงที่ดินบริเวณกันเป็นแนวป้องกันไฟฝั่งที่ดินของตนทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้คัดค้านไปแล้วว่า แต่ช่างรังวัดไม่ยอมรับฟัง อีกทั้งยังบอกว่าเป็นที่ครอบครองปรปักษ์ เคยรังวัดมาแล้วตั้งแต่ปี 2553 ทั้งๆ ที่ตนครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2543 และไม่เคยไปไหนเลยที่สำคัญตนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเมื่อปี 2553 นั้นมารังวัดกันตอนไหน
"จากการสอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้กฎหมายทราบว่าการครอบครองที่ดินปรปักษ์นั้นจะต้องได้รับคำสั่งจากศาลเท่านั้นเช่นที่ดินของวัดสวนแก้ว ที่มีคนขายให้กับพระพะยอม แต่ต่อมาเจ้าของที่ดินตัวจริงกลับมาจากต่างประเทศมารู้ความจริงเข้า จึงดำเนินการฟ้องร้องเพื่อขอที่ดินคืน สุดท้ายพระพะยอม ต้องแพ้คดี และในวันที่มีการพูดคุยอธิบายข้อเท็จจริงให้ช่างรังวัดฟัง แต่ช่างรังวัดที่ดินก็ไม่ยอมฟังโดยอ้างทำตามข้อกฎหมาย แถมยังบอกกับผมว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกันและขอให้ตนทำหน้าที่ชี้เขตที่ดินของผมเท่านั้นก็พอ เมื่อคุยกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ผมจึงจำเป็นต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าของแปลงที่ดิน และช่างรังวัดในข้อหาร่วมกันบุกรุกและข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ 157 ต่อเจ้าหน้าที่รังวัดรายดังกล่าวด้วย หลังจากนี้ก็ขอให้ไปสู้กันในชั้นศาลต่อไป" นายชัยรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.ที่ผ่านมานายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอสมุนไพรชื่อดัง อายุ 64 ปี ได้หอบเอกสารหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายของเขตแปลงที่ดิน รวมทั้งโฉนดที่ดินและแบบแปลนร่องรอยเส้นทางที่แบ่งเพื่อเอาไว้เป็นแนวป้องกันไฟที่ถูกบุกรุกไปมอบให้กับ ร.ต.ท.ธีรพงษ์ สืบเรือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยกระเจา แล้ว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี