‘ใหญ่แจ้ง บ้านตระ”อดีตผู้ใหญ่บ้านชุมชน‘บ้านตระ’ เชื่อมีคนชำนาญป่าพา‘เสี่ยแป้ง’หนี อยู่เพียงลำพังไม่ได้แน่นอน แนะตำรวจต้องใช้วิธีจับแบบนักเลง และสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ถึงจะได้ข่าว
17 พฤศจิกายน 2566 นายแจ้ง แสงกุล หรือ‘ใหญ่แจ้ง บ้านตระ’ อายุ 68 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านตระ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง อดีตทหารพราน ทหารผ่านศึก และผู้บุกเบิกชุมชนชนบ้านตระ รวมทั้งเป็นผู้ที่ชำนาญเกี่ยวกับ “เทือกเขาบรรทัด” เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว จ.ตรัง เกี่ยวกับกรณีการหลบหนีของ “เสี่ยแป้ง” หรือนายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามไล่ล่าอยู่ขณะนี้ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เอกซเรย์‘บ้านตระ’!อดีตฐานคอมมิวนิสต์สู่จุดกบดาน‘เสี่ยแป้ง’ งานหินชุดไล่ล่า)
นายแจ้ง ได้นำภาพถ่ายเก่าในชุมชนบ้านตระให้ผู้สื่อข่าวดู และวาดแผนที่ชุมชนบ้านตระ และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมกล่าวว่า ภายหลังจากเกิดการยิงต่อสู้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนคิดว่าหาก เสี่ยแป้ง ไม่มีคนช่วยเหลือหรือมีคนที่ติดตามอยู่นั้น คงอยู่ลำบาก เพราะด้วยภูมิประเทศ และสัตว์ที่ดุร้ายมีมาก เช่น แมลง งู สัตว์มีพิษ ตำรวจก็เคยเจอกันมาบ้างแล้ว ตนคิดว่าที่ เสี่ยแป้ง อยู่ได้ เพราะมีคนช่วย
“หากไม่มีคนที่ช่วยเหลืออยู่ ผมคิดว่าคงอยู่ไม่ได้ ยิ่งช่วงที่ฝนตกหนักเช่นนี้ มีอุปสรรคมากกว่าช่วงฝนแล้ง เช่น น้ำป่าไหลหลาก สัตว์มีพิษจะออกมาอยู่เชิงเขา จะไม่อยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งจะอันตรายมากกับคนที่อยู่ในป่า ผมเชื่อแน่ว่าหาก เสี่ยแป้ง ยังอยู่ โดยมีคนชำนาญเส้นทางพาหนบหนี ก็ยังคงหลบหนีได้อย่างแน่นอน แต่เชื่อว่าไม่พ้นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นายแจ้ง กล่าว
นายแจ้ง กล่าวว่า หากสมมุติว่ามีคนในพื้นที่พาหลบหนีอยู่ เช่น พรานป่า ที่ชำนาญพื้นที่เทือกเขาบรรทัด ก็มีเส้นทางหลบหนี แต่การที่จะหลบหนีไปลงฝั่ง ต.ผาดำ อ.รัฐภูมิ จ.สงขลา เป็นไปได้ยาก เพราะส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้เส้นทาง คนในชุมชนบ้านตระที่ชำนาญเส้นทางมีอยู่หลายคน ตอนนี้เท่าที่รู้ก็มีคนออกไปจากชุมชนหลายคน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นลูกหลานของใครบ้าง และหายไปอยู่ไหน
นายแจ้ง กล่าวว่า ตนคิดว่า เสี่ยแป้ง ยังคงอยู่ได้อีกหลายวัน และคงอยู่คนเดียวไม่ได้แน่นอน แม้จะเก่งมาจากไหน แม้กระทั่งตนก็เหมือนกัน หากไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นก็เหมือนกัน ส่วนที่ว่า เสี่ยแป้ง มีพระดีติดตัวอยู่นั้น ตนไม่ขอก้าวก่ายมาก เพราะตนนับถือศาสนาอิสลาม ส่วนวิชาคาถาอาคม ตนมองว่าอายุของ เสี่ยแป้ง ในวัยนี้คงจะไม่มี จะมีจริงๆก็คนอายุมากคนแก่ๆ อันนั้นตนยอมรับ เพราะต้องมีการศึกษาเล่าเรียน ประกอบกับวิชาคาถาอาคมจะต้องมีการถือ หรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นข้อห้ามมากมาย และอาจารย์หรือเจ้าของวิชานั้นๆจะต้องสั่งและกำกับไว้ว่าจะต้องทำแต่สิ่งดีๆ
“หากไม่มีคนนำพา หรือติดตาม เสี่ยแป้ง ไปด้วยนั้น เชื่อแน่ว่าจะต้องหลงป่า เพราะป่าทุกป่าจะมีเจ้าเขาเจ้าที่ หากหลงจริงก็จะเดินวนเวียนอยู่แต่จุดนั้น ไปไหนก็ไม่ได้ แม้จะมองเห็นทางที่จะเดินไปได้ แต่เดินไปไม่ได้ อันตรายมาก มองไม่ถูกเลยว่าทิศไหนเป็นทิศไหน เหมือนเอาอะไรมาคลุมศีรษะเอาไว้ หันไปฝั่งไหนก็มึนไปหมด ผมเคยเจอมากับตนเองในการหลงป่า ซึ่งการเอาตัวรอดของตอนนั้น ต้องนั่งนิ่งๆ และท่องคัมภีร์อัลกุรอาน และขอให้องค์อัลเลาะห์ที่ตนนับถือตามศาสนาอิสลาม และเจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยเปิดทางให้ จนสามารถรอดพ้นไปได้จากการหลงป่า
นายแจ้ง ระบุว่า เท่าที่ตนเคยหลงบ้านตระและเทือกเขาบรรทัดนั้น ส่วนใหญ่จะบนบานกับ “ทวดเล็ก” ช่วยเปิดตาเปิดใจให้มีเส้นทางได้ออกมา ซึ่ง ทวดเล็ก เปรียบเสมือนคนปกป้องชุมชนบ้านตระ ชื่อของท่านคือหมื่นเสนะคีรี ซึ่งเคยมาอาศัยอยู่ในบ้านตระ และเสียชีวิตลงที่นั้น ทั้งนี้ป่าบ้านตระมีอาถรรพ์ จะทำอะไรผิดแปลกไปจากปกติ จะต้องบนบานสานกล่าวหรือขอกราบไหว้ขอกับ ทวดเล็ก ซึ่งอยู่บริเวณเขาตู ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังชุมชนบ้านตระ เพื่อให้เปิดป่าให้ ให้ได้ทำทุกอย่างที่ตั้งใจไว้สมปรารถนา
“ส่วนยุทธวิธีในการล่าตัว ย้อนไปตอนที่ผมเป็นทหารพราน เข้าปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ได้ไปฝังตัวอยู่ในชุมชนบ้านตระ และเทือกเขาบรรทัดนับเดือน โดยใช้ชีวิตเหมือนคนป่า เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้ชีวิตเหมือนคนป่า แต่เป็นการใช้ชีวิตแบบนักล่า ไม่ใช้ผู้ถูกล่าในสมัยนั้น การส่งเสบียงในอดีตส่งยาก แต่ปัจจุบันนี้การส่งเสบียงเป็นเรื่องง่ายเพราะรถจักรยานยนต์ (จยย.) สามารถขับขึ้นไปได้บนชุมชนบ้านตระ และปัจจุบันบ้านทุกหลัง แม้กระทั่งขนำร้างที่ไม่มีคนอยู่ ก็จะต้องมีข้าวสารอย่างน้อยๆหลังละ 2-4 กิโลกรัมติดบ้านไว้อยู่” นายแจ้ง กล่าว
นายแจ้ง กล่าวต่อว่า หากตนเป็นผู้ใหญ่บ้านเรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น หรือจะคุยกันได้ นักเลงต้องคุยกับนักเลง เพราะเรารู้ว่าคนนักเลงมีกี่คน อยู่ตรงไหนบ้าง จ.พัทลุง มีใครบ้าง จ.สตูล มีใครบ้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่นักเลงมีใครบ้าง เรามานั่งสุมหัวคุยกัน เพราะไม่มีใครอยากให้สูญเสียกันทั้ง 2 ฝ่าย อยากให้ทำงานนี้เสร็จไปอย่าง่ายๆ โดยไม่มีคำว่าสูญเสีย และยิ่งยืดเยื้อชาวบ้านก็ยิ่งเป็นที่กังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หากตำรวจมาถามชาวบ้านไม่พูดก็อันตราย พูดไปก็อันตราย ตอนนี้ชาวบ้านมีปากเหมือนมีตูดพูดไรไม่ได้เลย ชาวบ้านหมู่ 2 ต.ปะเหลียน แบ่งเป็น หมู่ 2 ตอนบนคือชุมชนบ้านตระ หมู่ 2 ตอนล่างคือบ้านควนไม้ดำ ผลกระทบทางด้านจิตใจของชาวบ้านมีอยู่แล้ว แต่หมู่ 2 บ้านตระอาจจะน้อยหน่อย เพราะทำใจได้ เคยโดน ผกค.มาแล้ว แต่เรื่องนี้กับเรื่อง ผกค.ไม่เหมือนกัน และคนละเรื่อง
“แต่ก่อนต้องสร้างมวลชนก่อน และสร้างการข่าว เมื่อสร้างการข่าวแล้วต้องรักษาแหล่งข่าวให้ได้ แต่เดี๋ยวนี้การข่าวให้กล้าเป็น ไม่มีใครกล้าพูดกัน เพราะให้ความอบอุ่นตรงนี้ให้กับชาวบ้านไม่พอ เพราะจะต้องรักษาคนของเราให้ได้ ที่ชาวบ้านไม่กล้าออกมาพูดเพราะไม่มีใครปกป้องเขาได้ ตำรวจทำงานเสร็จก็กลับบ้าน แต่ชาวบ้านยังอยู่ในพื้นที่ การสนิทสมสนมหรือทำสงครามจิตวิทยากับชาวบ้านแทบจะไม่ค่อยมี ซึ่งมองว่าจุดลำบากตรงนี้ก็มีส่วน และตนมองว่าหลังจากจบคดีเสี่ยแป้งแล้ว ไม่ว่าจะจบลงแบบไหนก็ตาม ชาวชุมชนบ้านตระจะอยู่ยากขึ้น เพราะปัจจัยหลายสาเหตุจากคดีเสี่ยแป้ง” นายแจ้ง กล่าวทิ้งท้าย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี