ภารกิจล่าเสี่ยแป้งฝั่งจังหวัดตรัง ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังและออกลาดตระเวนตามปกติโดยยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนใดๆ ขณะที่ จยย.ที่เจ้าหน้าที่ใช้เดินทางขึ้นลงชุมชนบ้านตระพังระนาว หลังต้องขับลุยภูเขา เชื่อยังมีพรานป่าพา "เสี่ยแป้ง" หลบหนีบนเทือกเขาบรรทัด ขณะที่ "โล้น บ้านตระ" เปิดใจหลังถูกตำรวจอาวุธครบมือกว่า 30 นายเข้าปิดล้อม หลังมีเบาะแสส่งเสบียงให้พรานนกและเสี่ยแป้ง เจ้าตัวยันไม่ได้ทำล่าสุดกระทบชีวิตความเป็นอยู่
วันนี้ (21 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง ว่าสถานการณ์การติดตามไล่ล่าตัว “เสี่ยแป้ง” หรือนายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ หลบหนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น กำลังตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ตรัง กำลังชุดปฎิบัติการพิเศษหนุมานศรีตรัง กำลังตำรวจชุดสืบสวนภูธร ภาค 9 ยังคงมีการสับเปลี่ยนกำลังพลในทุกๆตอนเช้า โดยในวันนี้ (21 พ.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกกันติดตามไล่ล่าตัว ทั้งบริเวณรอบชุมชนบ้านตระ เดินลาดตระเวนรอบเชิงเขา และเส้นทางที่จะไปในทาง จ.สตูล ซึ่งยังคงมีการตรึงกำลังอยู่เช่นเดิม โดยไม่มีการปรับแผนการใดๆ และไม่มีการลดหรือเพิ่มกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ส่วนสถานการณ์สภาพอากาศในวันนี้ฝนได้ตกลงมาบ้างในบางส่วน แต่ไม่ได้ตกหนักเท่ากับช่วงหลายวันก่อน และมีท้องฟ้าเปิด ทำให้อุปสรรคปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่เท่าใดนัก ส่วนให้จะประสบปัญหาเรื่องรถจักรยานยนต์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ขับขึ้นลงยังชุมชนบ้านตระนั้น พบว่า เสียหายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากรถที่ใช้ปฎิบัติงานเป็นรถจักรยานยนต์แบบธรรมดา ไม่ได้เป็นรถที่ใช้สำหรับบุกป่าลุยภูเขา เจ้าหน้าที่ต้องประสานทางช่างเข้ามาซ่อมแซมเพื่อให้ภารกิจเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนตัวของ “เสี่ยแป้ง” นั้นส่วนใหญ่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะยังคงหลบหนีอยู่บนเทือกเขาบรรทัด โดยมีพรานป่าชำนาญเส้นทางคอยให้การช่วยเหลืออยู่ และในส่วนของ พรานนก และพรานปริก ที่ได้หายตัวไปจากชุมชนบ้านตระนั้น ยังคงเป็นที่เฝ้าสังเกตของเจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับหรือไม่
ขณะเดียวกัน นายวัลลภ ยศศิริ หรือโล้น อายุ 36 ปี หลัง ตำรวจอาวุธครบมือกว่า 30 นาย บุกเข้าไปคุมตัวถึงขนำ หลังพบเบาะแสว่ารู้จักกับ “พรานนก” ที่หายตัวไปจากหมู่บ้านหลังเหตุปะทะบนเขาบรรทัด คาดพา “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หลบหนีเข้าป่า ขณะที่เจ้าตัว ชี้แจงว่า รู้จักกับ “นก” จริงและเคยยืมรถขับลงมาซื้อของข้างล่าง แต่ไม่เคยรู้จักกับเสี่ยแป้ง
วันนี้ (21 พ.ย.) นายวัลลภ ยศศิริ หรือโล้น เปิดเผยถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ยังหวาดกลัวอยู่ และยังคิดว่าคงจะมีเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมเหมือนเช่นวันนั้นอีก ภาพยังคงฝังตาอยู่ และตนยืนยันว่าไม่เคยส่งเสบียงให้ใคร ไม่ได้เป็นลูกเด็กหรือลูกน้องใคร ส่วนเสี่ยแป้งตนก็ไม่เคยเห็น ส่วนกับพรานนกยอมรับว่าเป็นเพื่อนกันจริง แม้จะพูดแบบนั้น แต่ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสะกดรอยตามตนอยู่ตลอด ไม่ว่าตนจะไปไหน ยอมรับหวาดระแวง ใช้ชีวิตยากขึ้น อึดอัดใจ แม้แต่จะเดินทางลงมาซื้อข้าวสารด้านล่างเจ้าหน้าที่ก็จำกัดให้ซื้อแค่ครั้งละ 3 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ถามว่ากินวันเดียวก็หมดแล้ว เพราะครอบครัวตนอยู่กันเกือบ 10 ชีวิต และจะต้องขับรถลงมาซื้อทุกวัน และใครจะให้ค่าน้ำมันรถตน เพราะทุกๆครั้งตนจะซื้อข้าวสารไปตุนไว้ครั้งละหลายกิโลกรัม เพราะเส้นทางขึ้นลงบ้านตระยากลำบาก - 003