“ปานเทพ” ขึ้นให้การเป็นพยานจำเลยปากสุดท้าย เบิกความปิดคดีพันธมิตรฯชุดสองปิดสนามบิน-ยื่นข้อต่อสู้10ข้อ เนื้อหากว่า100หน้า ศาลนัดพร้อม 67จำเลย20ธ.ค.เพื่อนัดวันฟังคำพิพากษา20ธ.ค.คาดเป็นเดือนมี.ค.67 ส่วนพธม.ชุดใหญ่บุกสนามบิน ศาลนัดชี้ชะตา18ธ.ค. เวลา9โมงเช้า
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยปากสุดท้าย คดีกลุ่มพันธมิตรบุกสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิปี 2551 หมายเลขดำ อ.1083/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุริยันต์ ทองหนูเอียดกับพวกรวม 67 คน เป็นจำเลยความผิดฐานร่วมกันทำการอันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพี่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จำเลยที่ 18 และทนายความ เดินทางมาศาล เพื่อเบิกความเป็นพยานปากสุดท้าย
นายปานเทพกล่าวก่อนเข้าเบิกความว่า คดีนี้ที่ผ่านมามีโอกาสซักค้านพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นพยานฝ่ายโจทก์ที่พาดพิงถึงตนไปแล้ว แม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นแกนนำพันมิตรฯช่วงนั้น แต่วันนี้นำพยานหลักฐาน 100 หน้า ที่รวบรวมมาหลายปีในฐานะนักวิชาการและสื่อมวลชน เพียงพอที่ทำให้เห็นภาพรวมว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อแถลงต่อศาลไว้ทำให้มั่นใจว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นผู้ทำความผิด สำหรับคดีกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมบุกสนามบินชุดแรกมีจำเลย 36 คน ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 18 ธันวาคม เวลา 09.00 น.
นายปานเทพกล่าวต่อว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในยุคนั้น ที่ยุบพรรคพลังประชาชน 2 ธันวาคม 2551 และหยุดยั้งการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างคดีทุจริตคอร์รัปชัน ยกเลิกคดียุบพรรคการเมืองหลังผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว การชุมนุมช่วงนั้นประสบความสำเร็จเป็นที่มีมาของการทำให้คดีทุจริตคอร์รัปชันเดินหน้าไปได้ จนยุติไปแล้ว 12 คดีมีผู้ถูกจำคุกหลายคน รวมทั้งนายทักษิณ ชินวัตร เราจึงเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าทำหน้าต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เราเชื่อและมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้เป็นเพียงเสรีภาพการชุมนุม แต่ยังทำหน้าที่รักษาประโยชน์ชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
นายปานเทพให้สัมภาษณ์หลังเบิกความอีกครั้งว่า วันนี้ตนยื่นคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งมีการซักค้านเรียบร้อย โดยศาลนัดพร้อมจำเลยทุกคนวันที่ 20 ธันวาคม เพื่อนัดฟังพิพากษาต่อไปคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม 2567 สำหรับรายละเอียดคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษรที่ยื่นต่อศาลวันนี้ เป็นเอกสารมากกว่า 100 หน้า แบ่งเป็น 10ข้อ ดังนี้ 1.การต่อต้านของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการต่อต้านพรรคพลังประชาชนที่สืบทอดอำนาจจากพรรคไทยรักไทย เพราะมีการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ กับพวกรวม 12 คดี มูลค่านับเกือบ 1 แสนล้านบาท ฉะนั้นการที่พันธมิตรฯ คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 309 ยกเลิกอำนาจ คตส.ที่เคยตรวจสอบเอาไว้ เท่ากับพันธมิตรฯ คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้างความผิดให้นายทักษิณ เท่ากับว่าพันธมิตรฯทำหน้าที่ของประชาชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 71 2.การที่พันธมิตรฯต่อต้านทั้งสองพรรค เพราะได้อำนาจโดยไม่เป็นไปตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรจึงอาศัยสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญตามมาตรา 69 ต่อต้านผู้ได้อำนาจมาจากการโกงเลือกตั้ง ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคพลังประชาชน และก่อนหน้านั้นก็ยุบพรรคไทยรักไทยด้วยข้อหาเดียวกัน 3.กลุ่มพันธมิตรฯต่อต้านรัฐบาลเป็นไปโดยสุจริตและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายทักษิณยื่นฟ้องพันธมิตรฯ 2 คดี เมื่อปี 2551 เราชนะทั้งสองคดี โดยคำพิพากษาระบุว่าสิ่งที่เราแถลงไม่เกินเลยจากความเป็นจริง นอกจากนี้ ยังมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ให้พันธมิตรฯชนะคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลา 2551 และคดีที่อัยการฟ้องพันธมิตรฯชุมนุมที่รัฐสภา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้อง
4. กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมมีเนื้อหาปกป้อง 3 สถาบันหลัก เช่น ปกป้องอธิปไตยของชาติโดยแถลงคัดค้านแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2551 ที่กระทำโดยมิชอบ สุ่มเสี่ยงเสียอาณาเขต คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ แปลว่าเราทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ 5.การใช้สิทธิต่อต้านรัฐบาล เราใช้เครื่องมือด้วยการชุมนุมสาธารณะเมื่อปี 2551 ที่ยังไม่มีพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ถ้าไม่มีกฎหมายเฉพาะกาล และจะอาศัยกฎหมายฉบับอื่นมาลงโทษ เพราะไม่มีพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะกระทำไม่ได้ 6.มีใช้อำนาจบิดเบือน แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เช่นแก้รัฐธรรมนูญ ฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯ โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ข้าราชการตำรวจ และคดีถุงขนมละเมิดอำนาจศาล และคดีปลอดแปลงเอกสารก.ก.ต.หวังช่วยคดีซื้อเสียง การที่พันธมิตรฯชุมนุมและแถลงการณ์จึงสมควรแก่เหตุ 7. กลุ่มพันธมิตรฯ ทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแถลงการณ์ 29 ฉบับของพันธมิตรฯ ยึดสันติวิธี ปราศจากอาวุธและเรียกร้องให้ตำรวจจับกุมผู้ทำผิด 8.กลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้ความคุ้มครองสิทธิ และความปลอดภัยในการชุมนุม เนื่องมีระเบิดเอ็ม 79 และยิงปืนอาก้า ทำร้ายผู้ชุมนุมบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก 9.การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่เป็นเหตุผลที่แท้จริงของการปิดสนามบินทั้งทางกายภาพในการใช้พื้นที่ทั้งสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่จราจรหน้าอาคารผู้โดยสาร ไม่กระทบการบิน รวมถึงมีหนังสือของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขอให้เปิดสนามบิน เพราะพื้นที่การชุมนุมไม่กระทบต่อการบิน ดังนั้น เราพบว่าหลังจากนั้นก็ยังมีการใช้พื้นที่เดียวกันชุมนุมอีก 5 ครั้ง แต่ไม่เคยมีประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
10.พนักงานสอบสวนไม่ได้รวบรวมพยานหลักฐานรอบด้าน รวมถึงมีการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้ทำผิด จากการซักค้านเรายังพบอีกว่าพรก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 48 ชั่วโมง ฉะนั้นจะมาเอาผิดผู้ชุมนุมตามพรก.ฉุกเฉินได้อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี