วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เดือดแก๊งคอลฯโทรป่วน
นายกฯสั่งดีอีเอสตามเชือด
นายกฯยังโดน “แก๊งคอลฯ” โทรป่วน-ส่งข้อความหา แนะ ปชช.ทำตามข้อปฏิบัติ ดีอีเอส ขอความร่วมมือค่ายมือถือต้องสงสัย
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566ที่บ้านวัฒนานคร จ.สระแก้ว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว ว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้หารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)เกี่ยวกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการไปฝังตัวอยู่บริเวณชายแดน ก็ขอให้ดูดีๆมั่นใจว่านายประเสริฐ ให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯเคยเจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหาบ้างหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “บ่อยเลย แต่ผมไม่ได้พูดอะไร มีแบบข้อความส่งมาด้วยว่า เรียนคุณเศรษฐา ทวีสิน นอกจากมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมยังเก็บไว้ขำเหมือนกัน”
เมื่อถามว่าจะแนะนำประชาชนอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นไปตามที่กระทรวงดีอีเอสแนะนำ เพราะตอนนี้ก็มีสายฮอตไลน์ให้ประชาชนแจ้ง ขอความร่วมมือทุกฝ่าย กระทรวงการคลัง ฝ่ายธนาคาร กระทรวงดีอีเอส รวมถึง กสทช. และบริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือ เช่น เรื่องจำนวนซิมการ์ด เบอร์โทร หากเบอร์หนึ่งโทรไปยัง 500 เบอร์ โดยที่เบอร์ไม่ซ้ำกัน ก็ขอร้องให้เข้าไปตรวจสอบ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการมาที่กระทรวงดีอี และ สตช. ให้จัดการเรื่องซิมม้า และปราบโจรออนไลน์เด็ดขาด ตนในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้เชิญคณะกรรมการ ประชุมเพื่อหารือ และสรุปมาตรการเร่งดำเนินการการ ใน 4 เรื่องสำคัญ
โดยเรื่องแรกคือ กรณีการออกประกาศเพื่อให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่างๆซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการออกประกาศอยุ่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการ กสทช. โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียน ภายในไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเรื่องที่สองเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC 1441 (สายด่วน 24 ชม.) วันที่ 1–23พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประชาชนโทรเข้ามา 62,306 สาย สามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 5,329 บัญชี มีการจับกุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 389 ราย และมีคดีใหญ่แก๊ง call center ที่มีเงินหมุนเวียน 7,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งผลดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ AOC สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และสามารถอายัดบัญชี ได้เฉลี่ยเวลา 15 นาที
นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาโดยตลอด ในการเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุม และทลายเครือข่ายบัญชีม้า/ซิมม้า โดยสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกถึงบัญชีในขั้นตอนต่างๆ พร้อมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามก็ต้องแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์และขอความร่วมมือไปยังภาคธนาคารให้ดำเนินการอายัดรายชื่อบัญชีม้าทั้งหมดพร้อมทั้งเพิ่มกระบวนการในการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
ในเรื่องที่สาม ในด้านสถิติการปิดกั้นเว็บไซต์ หรือ เพจ ผิดกฎหมายโดยรวม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 สูงถึง 16,359 เว็บไซต์ เฉลี่ย 309 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 55 เว็บต่อวัน
สำหรับการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 ปิดได้ สูงถึง 3,120 เว็บไซต์ เฉลี่ย 66 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 5 เว็บต่อวัน
นายประเสริฐยังกล่าวว่าในเรื่องที่สี่ คือที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแผนบูรณาการประชาสัมพันธ์ภัยอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมี 3 เป้าหมาย ประกอบด้วย 1. ประชาชนทุกคนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ และลดพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงรู้วิธีการป้องกัน และการแก้ไขปัญหา 2. ประชาชนมีเครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริงในการป้องกันภัยออนไลน์ 3. หน่วยงานมีความร่วมมือ และแบ่งปันทรัพยากรในการป้องกันภัยออนไลน์
“กระทรวงดีอี มีความมุ่งมั่นที่จะลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เรามีความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการรณรงค์ สร้างการตระหนักรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์ รวมทั้งการสร้างเครื่องมือให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง (National Fact Checking)” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี