DSI ชำแหละแก๊งเอี่ยว‘หมูเถื่อน’

ขรก.-นักการเมือง

เงินหมุนเวียนนับพันล้าน

นำเข้าหมูเถื่อนหลายพันตู้

เตรียมลุยตรวจค้นห้างดัง

กมธ.เกษตรฯจ่อสอบพิรุธอื้อ

DSI ยังลุยต่อเนื่องตรวจ “หมูเถื่อน” แม้ “อธิบดี” โดนเด้ง ยังไม่มีใครสั่งเบรก 1 ธันวาคม ค้นโลตัส แย้มเตรียมชำแหละ “ขบวนการใหญ่กลุ่มใหม่” 2,338 ตู้ พบ “ขรก.ประจำ-นักการเมือง” เอี่ยวกลุ่มทุนเพียบ มีเงินหมุนเวียนหลายพันล้าน ด้าน “อดีตสว.รสนา” งงเด้งอธิบดีดีเอสไอ มีพิรุธ สงสัยแตะกลุ่มทุนใหญ่ ด้าน “องอาจ” ย้ำ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ขณะที่กมธ.เกษตรฯขยับเอกซเรย์รัฐมนตรี “ป.”

จากกรณีคณะรัฐ มนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอขอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนนั้น

เมื่อเวลา 11.30น.วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ศูนย์ราชการฯอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงาในช่วงเช้า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ซึ่งนำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม ผู้เชี่ยว ชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน และคณะ เพื่อกำหนดแนวทางการทำสำนวนคดีหมูเถื่อนหลังจากนี้

จ่อตั้งคดีสอบอีกละลอกใหญ่

โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่าสำหรับการประชุมร่วมกันของคณะพนัก งานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ที่ประชุมมีมติขยายผลจาก 10 บริษัทชิปปิ้งเอกชนที่ได้ดำเนินการจับกุมไป ซึ่งพบว่าได้มีการนำตู้หมูบางส่วนออกไปก่อน ว่ามีการกระจายไปที่ไหนอย่างไรบ้าง

และอีกคดีที่ใหญ่ที่สุดที่เราจะดำเนินดำเนินการ คือ เรื่องของการนำเข้าตู้หมูเถื่อน ซึ่งพบว่ามีการนำเข้าตั้งแต่ ปี2564 - ปี 2566 โดยกระบวนการทั้งหมดที่เราจะทำนั้น เกิดจากการที่ได้ดูข้อมูลจากกลุ่มสัตวแพทย์ที่รายงานผลเรื่องของการมีโรคระบาดหมูภายในประเทศไทยและคำอภิปรายไม่ไว้วางใจของรัฐบาลสมัยที่แล้ว รวมถึงการส่งเบาะแสข้อมูลต่างๆของเกษตร กรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยจำนวนมาก และสายลับ รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด โดยเราจะรับดำเนินการเกี่ยวกับขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) โดยจะรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งคดี เพื่อที่จะสางขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนทั้งหมดอย่างไรก็ตาม สำหรับคดีใหม่ที่เราจะรับเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษนี้นั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่ข้าราชการทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนพัวพันจำนวนมาก ซึ่งเราจะดำเนินการในภาพรวมขนาดใหญ่

นอกจากนี้ จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ากลุ่มใหญ่นี้ได้มีการนำเข้าอาหารแช่แข็ง (Frozen Food) ประเภท ปลาแช่แข็ง และพลาสติกประเภทโพลีเมอร์ เป็นต้น จึงทำให้เราเห็นชัดเจนว่ากลุ่มใหม่นี้เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีบุคคลรายใดหรือนิติบุคคลใดถูกจับกุมมาก่อน ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มใหม่นี้ เราพบการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เบื้องต้นที่เกี่ยวข้องแล้ว จำนวนหลายพันตู้ พร้อมเงินหมุนเวียนของบุคคล ,นิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนหลักพันล้านบาท

อึ้งโผล่มาอีก3,388 ตู้

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนตู้หมูคอนเทนเนอร์ก่อนหน้านี้ที่พบว่ามีการแอบลักลอบนำเข้าเมื่อปี 2564 จำนวน 2,385 ตู้ ล่าสุดเราพบเพิ่มเป็น 2,388 ตู้ ส่วนจำนวน 161 ตู้ ที่เราได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้นั้น เราได้แตกเลขคดีออกเป็นอีก 9 เลขคดีพิเศษ ประกอบด้วย คดีพิเศษที่ 101/2566 บริษัทกู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด คดีพิเศษที่ 102/2566 ห้างหุ้นส่วนจำกัดกันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช คดีพิเศษที่ 103/2566 บริษัทมายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด คดีพิเศษที่ 104/2566 บริษัทอาร์.ที.เอ็นโอเวอร์ซี จำกัด คดีพิเศษที่ 105/2566 บริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด คดีพิเศษที่ 106/2566 ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหัสวรรษ ฟูดส์ คดีพิเศษที่ 107/2566 บริษัทซี เวิร์ล โฟรเซ่น ฟูด จำกัด คดีพิเศษที่ 108/2566 (สงวนการเปิดเผยชื่อ) และคดีพิเศษที่ 109/2566 (สงวนการเปิดเผยชื่อ) เพื่อที่จะดูว่าใน 10 บริษัทชิปปิ้งเอกชนเหล่านี้ได้มีการนำตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนสุกร ออกไปก่อนหน้านี้กี่ตู้ และเกี่ยว ข้องกับใครบ้าง เนื่องจากในจำนวน 161 ตู้นั้นที่อายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และที่ได้มีการกระจายออกไปจากท่าเรือก่อนหน้านี้ โดยอาจถูกนำไปจำหน่ายหมดแล้ว ซึ่งเราได้สืบสวนทางการเงินพบว่ามีขบวนการใหญ่ที่เกี่ยวข้อง และเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ซึ่งจะให้ทาง ปปง. ดำเนินการช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน และมีการยึดอายัดทรัพย์ของผู้กระทำความผิดต่อไป

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวต่อว่า สำหรับในกลุ่มนายทุนนั้น ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้จับกุมสองพ่อลูกไปแล้ว (นายวิรัชและนายธนกฤต ภูริฉัตร) เราได้มีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง จึงพบว่ามีอีก 2-3 กลุ่ม โดยวันนี้เราได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาไปแล้ว 1 ราย ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 161 ตู้ และไม่ได้อยู่ใน 10 บริษัทชิปปิ้งเอกชนที่เราดำเนินการไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

1ธันวาบุกตรวจโลตัส

พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวอีกว่าส่วนปฏิบัติการที่มีรายงานว่าดีเอสไอจะเข้าตรวจค้นบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (Ek-Chai Distribution System Co., Ltd.) หรือ Lotus’s / โลตัส ในวันศุกร์ที่ 1 ธ.ค.นี้นั้น เราจะมีการดำเนินการต่อไปในสัปดาห์หน้า และไม่ได้ถูกเบรกหรือเป็นสุญญากาศ เพราะเราจะทำตามแผนที่มีการวางแพลนไว้

เมื่อถามว่าพอดีเอสไอไปสืบสวนและพบว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับการรับซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากผู้ต้องหาที่จับกุมไป และไปเข้าตรวจสอบจนเป็นเหตุให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ต้องถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมนั้น พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวที่เราไม่มีผู้บริหารกำกับนโยบาย ตนขอยืนยันว่าไม่มีผลต่อการทำงานของคณะพนักงานสอบสวน เพราะในวันนี้ทาง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งอยู่ระหว่างรักษาการแทนอธิบดีฯ ได้สั่งการให้ดำเนินการตามแผนเดิม ไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด แม้จะเจอนายทุนใหญ่เราก็จะดำเนินการตามกรอบอำนาจกฎหมายและหน้าที่ของเรา ตามพยานหลักฐานที่พบ ส่วนการส่งเอกสารของแม็คโคร เราได้ให้เวลา 1 เดือน เพราะทางแม็คโครจะต้องเตรียมเอกสาร ซึ่งกระจายอยู่หลายที่

พ.ต.ต.ณฐพล ระบุด้วยว่า สำหรับก่อนหน้านี้ที่เราได้มีการขอศาลอาญาออกหมายจับ 10 ราย ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งเอกชนที่เกี่ยวข้องกับตู้หมูเถื่อน 161 ตู้ เราได้จับกุมครบหมดแล้ว ล่าสุดยังเหลืออีก 2 บริษัท ที่เราเตรียมขอศาลอาญาออกหมายจับ โดยทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นทั้งชิปปิ้งเอกชนและเป็นนายทุนเองด้วย ซึ่งพบว่ามีการสั่งนำเข้าหมูเถื่อนตั้งแต่ปี 64-65 และได้กระจายไปยังห้องเย็นต่างๆ ซึ่งเราก็จะไปตรวจสอบทั้งหมด

ตั้งเรื่องรับเป็นคดีพิเศษ

พ.ต.ต.ณฐพล ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับ 2,388 ตู้ เราแบ่งกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ 10 กลุ่ม ซึ่งเราก็จะไปตรวจสอบว่ามีใครหรือเจ้าหน้าที่ใดเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง แต่ในตอนนี้ ในจำนวน 161 ตู้เดิมที่ดำเนินการไปนั้น เรายังไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้มีการส่งสำนวนแรกไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.

ทั้งนี้ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวปิดท้ายว่า ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่กรมศุลกา กรได้ตรวจพบตู้คอนเทเนอร์ ซึ่งภายในบรรจุชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง ที่ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้เพิ่มอีก 16 ตู้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษอีกเลขคดีหรือไม่ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าทั้ง 16 ตู้นี้เกี่ยวข้องกับตู้หมูเถื่อน 161 ตู้ก่อนหน้านี้ หรือเกี่ยวข้องกับ 2,388 ตู้ โดยขั้นตอนหลังจากนี้เราจะเรียกเจ้าหน้าที่ศุลกากรมาให้ข้อมูลก่อน จากนั้นจึงจะเสนอไปยัง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไป

สั่งเด้ง‘อธิบดีดีเอสไอ’มีพิรุธ

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 พ.ย.2566 มีมติย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกี่ยวเนื่องกับการปราบปราม “หมูเถื่อน” ว่า“ทำไม นายกฯสั่งย้ายอธิบดีDSI ขณะกำลังจับอาชญากรทางเศรษฐกิจ เหมือนสั่งฆ่าขุนพลกลางศึก หรือมีอะไรในกอไผ่!!?? ในฐานะที่ดิฉันเคยเป็นอดีตประธานคณะกรรมาธิการศึกษาและตรวจสอบการทุจริต วุฒิสภา เห็นว่ามีความผิดปกติกรณีการสั่งย้ายอธิบดีDSI ในขณะที่กำลังตรวจสอบบริษัทใหญ่ที่มีการรับซื้อหมูเถื่อน แต่ถูกสั่งย้ายทันที

ย่อมทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยในตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะว่าการสั่งย้ายอธิบดีDSI ที่กำลังตามจับอาชญากรที่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศอย่างมโหฬารนับแสนล้าน ไม่ว่าจะเป็นคดีค้าหมูเถื่อน หรือคดีปล้นหุ้นสตาร์ค ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่เหมือนสั่งฆ่าขุนพลมีฝีมือกลางศึก โดยยังคิดไม่ทันว่าจะตั้งใครมารับหน้าเสื่อแทนด้วยซ้ำไป ใช่หรือไม่ ทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลตกฮวบ เพราะส่อเค้าว่ารัฐบาลไม่กล้าแตะการฮั้วทุจริตใหญ่ 3 เส้าของนักการเมือง นายทุน และข้าราชการระดับบิ๊ก ใช่หรือไม่ ถ้าปราบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ประชาชนทั้งประเทศเห็นตำตาไม่ได้เสียแล้ว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นของรัฐบาลชุดนี้ ใครจะเชื่อถือ ใช่หรือไม่ ???

อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “องอาจ คล้ามไพบูลย์” ระบุว่า...การเด้งฟ้าผ่าอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล คนในรัฐบาลต่างพูดไปในทำนองเดียวกันว่า “เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงยุติธรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ”

“โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชัย รัชรงค์ บอกว่าเพื่อให้การบริหารราชการของกระทรวงมีความเรียบร้อยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง บอกว่า การแต่งตั้งโยกย้ายคำนึงถึงความรู้ความสามารถของผู้รับแต่งตั้งโยกย้ายรวมถึงเอกภาพและความรู้ความสามารถในการบังคับบัญชาคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมเป็นสำคัญ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า บอกว่า การโยกย้ายไม่เกี่ยวกับเรื่องหมูเถื่อนเป็นการบริหารราชการของกระทรวงยุติธรรม สรุปแล้วคนในรัฐบาลต่างยืนยันตรงกันว่าการเด้งอธิบดี ดีเอสไอไม่เกี่ยวกับหมูเถื่อนเป็นการโยกย้ายปกติ ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่ฟังไม่ขึ้น อยากให้คนในรัฐบาลไปฟังเพลงของเสก โลโซ “อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ”

วิญญูชนโดยทั่วไปเมื่อเห็นข่าวเด้งอธิบดีดีเอสไอก็พอคิดได้ว่าถูกเด้งเพราะอะไรนอกจากนั้นคนในดีเอสไอ ต่างปิดกันให้แซ่ดว่า ถูกเด้งเพราะไม่สนองนโยบายนาย อยากฝากไปยังนายกฯ เศรษฐา ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แต่อย่าให้เกิดข้อครหาตามมาว่าการโยกย้ายไม่เป็นธรรม เพราะจำทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาเรื่องการขับเคลื่อนงานไปสู่เป้าหมายในที่สุด

ไม่เกี่ยวกับจับหมูรายใหญ่

ประเด็นดังกล่าวนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองระบุว่าไม่ทราบสาเหตุของการโยกย้าย แต่เรื่องหมูเถื่อนไม่ได้เกิดเมื่อเร็วๆนี้ เป็นปัญหามา 2 ปีแล้ว ตำรวจก็จับ เราพอเข้าใจรายละเอียดปัญหานี้ อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีหมูของเกษตรกรจะออกมา ทำให้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อย เชื่อว่าประชาชนจะพออยู่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าการโยกย้ายครั้งนี้ มีผลสืบเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ นายสมคิด กล่าวว่า ตนมองว่าไม่น่าใช่ ปัญหาหมูเถื่อนมันเกิดนานแล้ว และดีเอสไอรู้หมดว่าใครเกี่ยวข้อง และตนทราบมาว่าผู้ที่จะถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นรายเล็กทั้งนั้น

“ไม่เกี่ยวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงวันนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)กำลังเช็คเส้นทางการเงินอยู่ มันมีรายละเอียดพอสมควรและองค์ประกอบหลายเรื่อง ส่วนที่พรรคก้าวไกลออกมาไล่บี้เรื่องโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอนั้น ก็ไม่แปลก แต่ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรี รวมถึง รมว.ยุติธรรม สามารถชี้แจงได้” นายสมคิด กล่าว

จี้รบ.ไม่ควรเลือกปฎิบัติ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติโดยการย้ายเฉพาะอธิบดีดีเอสไออันเนื่องจากปัญหาหมูเถื่อน แล้วปล่อยให้อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้องอื่นอยู่สุขสบายกันถ้วนหน้า

นายจตุพร กล่าวถึงการย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ถ้ามีปัญหามาจากหมูเถื่อนแล้ว ทำไมไม่ย้ายอธิบดีอีก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ศุลกากร ปศุสัตว์ และกรมประมง ซึ่งล้วนสุขสบายถ้วนหน้า ส่วนดีเอสไอกลับถูกสั่งย้าย จนเกิดข้อสงสัยว่า การค้นหมูเถื่อนที่ห้างสรรพสินค้าแมคโครเป็นสายเหตุหรือไม่ รัฐจึงต้องตอบสนองทุนเอกชน

“ถ้าย้ายอธิบดีดีเอสไอแล้ว นายกฯ ไม่คิดจะโกรธอีก 3 อธิบดีที่เกี่ยวข้องกับการนำหมูเถื่อนเข้ามาบ้างเลยหรือ ทำไม่ไม่เรียกอธิบดีกรมเหล่านั้นมาตวาดบ้าง และที่สำคัญการบริหารประเทศนั้น ถ้าจะมีการรับผิดชอบแล้วต้องทุกคน ไม่ใช่เลือกที่จะจัดการคนใดคนหนึ่งต้องรับผิดชอบปัญหา” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนกับประเทศนี้มีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญมากเหลือเกิน คอยสั่งการรัฐบาลให้ไปจัดการกับผู้ขวางผลประโยชน์ ดังนั้น การบริหารประเทศเช่นนี้เหมือนกับบีบให้หน่วยงานต้องเข้าสังกัดว่า เป็นคนของใคร

โยงขรก.-นักการเมือง-กลุ่มทุน

ที่รัฐสภา นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ตอบคำถามกรณีรัฐบาลเด้งอธิบดีดีเอสไอว่า กล่าวว่า ก็ชวนให้สงสัยได้ว่าทำไมถึงมีการโยกย้าย เพราะที่ผ่านมานายกฯ ก็แสดงอาการไม่ค่อยพอใจการทำงานของทางดีเอสไอ หลังจากที่ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบห้างร้านค้าปลีกภายในวันเดียว ก็มีการโยกย้ายทันที ก็จะได้ติดตามดูข้อมูลต่อไป ว่านายกฯ จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้หรือไม่

นายศักดินัย เรื่องนี้ทางกมธ.จะทำความจริงให้ปรากฎ รวมทั้งกระแสข่าวรัฐมนตรี ป.เข้าไปเกี่ยวข้องกับหมูเถื่อน