วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
สช.-กยศ. นำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาหลักสูตรอาชีพ เพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ การเรียนรู้

สช.-กยศ. นำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาหลักสูตรอาชีพ เพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ การเรียนรู้

วันพฤหัสบดี ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 16.56 น.
Tag :
  •  

สช.-กยศ. นำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาหลักสูตรอาชีพ เพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ การเรียนรู้

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ นายนพ ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานและสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการนำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ในหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) สำหรับปีการศึกษา 2566 – 2567 ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อาคารรัชมังคลาภิเษก กระทรวงศึกษาธิการ


นายนพ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินโครงการนำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในหลักสูตรอาชีพ หรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่มีความประสงค์จะศึกษาในลักษณะอื่นตามความจำเป็นและเหมาะสม ในปีการศึกษา 2566 – 2567 ให้แก่โรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ กลุ่มโรงเรียนบริบาล ในการกำกับดูแลของ สช. และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาในหลักสูตรอาชีพ หรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ ที่มีความจำเป็นและเหมาะสมกับผู้เรียน เพื่อนำไปสู่โอกาสในการมีอาชีพที่มั่นคง รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงตามความต้องการอย่างเหมาะสม และการทำความตกลงในครั้งนี้ยังสอดรับกับนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกระดับให้มีทักษะที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตอบสนองต่อความสนใจ และความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน

นายนพ กล่าวต่อว่า ขอบเขตความร่วมมือในการดำเนินการในครั้งนี้ สช. และ กยศ. จะร่วมกันพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ กลุ่มโรงเรียนบริบาลที่มีคุณภาพมาตรฐานตามเกณฑ์ที่ กยศ. และ สช. กำหนด เพื่อให้เข้าร่วมดำเนินโครงการนำร่องฯ กับ กยศ. และกำกับให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนำร่องฯ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ร่วมกันกำหนดและคัดเลือกหลักสูตรอาชีพ หรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) ที่มีความเหมาะสมในการดำเนินโครงการนำร่องฯ ร่วมกัน 

ด้านนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน  กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) มีพันธกิจหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนทั้งในระบบและนอกระบบ เนื่องจากความเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้การศึกษานอกระบบซึ่งเป็นการศึกษาในหลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตรการบริบาล การท่องเที่ยว การนวดและสปาภาษาต่างประเทศ และการโรงแรม ซึ่งนับวันยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในการพัฒนาประเทศ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทำความร่วมมือกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นและนิมิตหมายอันดีของการส่งเสริมให้การศึกษาเอกชนนอกระบบมีศักยภาพในการผลิต และพัฒนากำลังคนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน และการพัฒนาประเทศ โดยเป็นการมุ่งสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ให้แก่ผู้เรียนหลักสูตรอาชีพระยะสั้น ได้มีค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ในการยกระดับทักษะ สมรรถนะของตนเอง นำไปสู่โอกาสในการมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ดี มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงความต้องการอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และนโยบายของรัฐบาล

ขณะที่ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กล่าวว่า “ขณะนี้ กองทุนฯได้เตรียมความพร้อมสำหรับการให้กู้ยืมเงินในลักษณะที่ 5 ลักษณะอื่นตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงการศึกษาที่หลากหลาย ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 กองทุนฯจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ดำเนินการโครงการนำร่อง การให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาในหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) เพื่อนำไปสู่โอกาสในการมีอาชีพที่มั่นคง รวมถึงเพื่อการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงตามความต้องการอย่างเหมาะสม โดยจะเริ่มจากหลักสูตรการดูแลเด็กเล็ก และดูแลผู้สูงอายุ ของโรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ กลุ่มโรงเรียนบริบาลที่มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งผู้เรียนจะมีงานทำแน่นอนหลังจากสำเร็จการศึกษา ซึ่งสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีผลการประเมินคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนนอกระบบ รายงานต่อ สช. โดยจะมีระยะเวลาการดำเนินการโครงการนำร่อง 2 ปี (ปีการศึกษา 2566-2567) ให้เงินกู้ยืมเป็นค่าเล่าเรียนไม่เกิน 50,000 บาท/หลักสูตร/คน/ครั้ง กำหนดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี และให้ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี

สำหรับคุณสมบัติของนักเรียน นักศึกษาที่จะขอกู้ยืมเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในลักษณะที่ 5 กำหนดให้มีอายุ 18 - 60 ปีบริบูรณ์ ศึกษาในหลักสูตร/สาขาวิชาตามประกาศที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด ต้องทำประโยชน์ต่อสังคมหรือสาธารณะมาแล้วไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 2 ปี ก่อนการยื่นขอกู้ยืม และต้องไม่กู้ยืมซ้ำซ้อนกับลักษณะอื่น ๆ ณ ปีการศึกษานั้น ๆ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ พัฒนาองค์ความรู้และทักษะให้กับประชาชนผู้ที่ต้องการพัฒนาหรือต่อยอดการเรียนรู้ สามารถประกอบอาชีพมีงานทำและสร้างรายได้ในระยะยาวต่อไป ผู้ที่สนใจสามารถติดตามประกาศและรายละเอียดเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ www.studentloan.or.th” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ผลเสี่ยงทาย! \'พระโคพอ-พระโคเพียง\'เลือกกินอะไร ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ2568 ผลเสี่ยงทาย! 'พระโคพอ-พระโคเพียง'เลือกกินอะไร ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ2568
  • ชี้ชัด! \'ปราสาทตาเมือนธม\' มิใช่ข้อพิพาท \'กรมศิลปากร\'ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานของไทยเมื่อ 90 ปีที่แล้ว ชี้ชัด! 'ปราสาทตาเมือนธม' มิใช่ข้อพิพาท 'กรมศิลปากร'ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานของไทยเมื่อ 90 ปีที่แล้ว
  • \'ศธ.\'ปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เพื่อเพิ่มคุณภาพ-เท่าเทียม 'ศธ.'ปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เพื่อเพิ่มคุณภาพ-เท่าเทียม
  • \'สกร.\'เสิร์ฟห้องสมุดมีชีวิต 468 แห่ง เปลี่ยนเวลาบริการประชาชน 'สกร.'เสิร์ฟห้องสมุดมีชีวิต 468 แห่ง เปลี่ยนเวลาบริการประชาชน
  • เสมา 1 ซัพพอร์ต อาชีวะ จับมือแบรนด์ S&P  MK และ KFC  พัฒนารูปแบบการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เสมา 1 ซัพพอร์ต อาชีวะ จับมือแบรนด์ S&P MK และ KFC พัฒนารูปแบบการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
  • ม.สวนดุสิต เปิดสถาบันศิโรจน์ผลพันธิน ปาฐกถาพิเศษฯ ครั้งที่ 1 \'บทบาทอุดมศึกษาไทยกับการพัฒนาประเทศ\' (คลิป) ม.สวนดุสิต เปิดสถาบันศิโรจน์ผลพันธิน ปาฐกถาพิเศษฯ ครั้งที่ 1 'บทบาทอุดมศึกษาไทยกับการพัฒนาประเทศ' (คลิป)
  •  

Breaking News

ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน'ประจำวันศุกร์ที่ 9​ พฤษภาคม พ.ศ. 2568

‘อุ๊งอิ๊งค์‘เลี่ยงตอบ! มติแพทย์สภา พักใบอนุญาต 3 หมอ เซ่นปม ชั้น 14

‘สว.โชคชัย’ ท่องไม่รู้-ไม่เห็นหมายเรียก ‘คดีฮั้วสว.’ ขอดูรายละเอียดก่อน

'รุจิระ บุนนาค' เขียนบทความ 'ความต่างของ สิงคโปร์ กับ ไทย'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved