สช.-กยศ. นำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาหลักสูตรอาชีพ เพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ การเรียนรู้
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ นายนพ ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานและสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการนำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ในหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) สำหรับปีการศึกษา 2566 – 2567 ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อาคารรัชมังคลาภิเษก กระทรวงศึกษาธิการ
นายนพ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินโครงการนำร่องการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในหลักสูตรอาชีพ หรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่มีความประสงค์จะศึกษาในลักษณะอื่นตามความจำเป็นและเหมาะสม ในปีการศึกษา 2566 – 2567 ให้แก่โรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ กลุ่มโรงเรียนบริบาล ในการกำกับดูแลของ สช. และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาในหลักสูตรอาชีพ หรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ ที่มีความจำเป็นและเหมาะสมกับผู้เรียน เพื่อนำไปสู่โอกาสในการมีอาชีพที่มั่นคง รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงตามความต้องการอย่างเหมาะสม และการทำความตกลงในครั้งนี้ยังสอดรับกับนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกระดับให้มีทักษะที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตอบสนองต่อความสนใจ และความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
นายนพ กล่าวต่อว่า ขอบเขตความร่วมมือในการดำเนินการในครั้งนี้ สช. และ กยศ. จะร่วมกันพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ กลุ่มโรงเรียนบริบาลที่มีคุณภาพมาตรฐานตามเกณฑ์ที่ กยศ. และ สช. กำหนด เพื่อให้เข้าร่วมดำเนินโครงการนำร่องฯ กับ กยศ. และกำกับให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนำร่องฯ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ร่วมกันกำหนดและคัดเลือกหลักสูตรอาชีพ หรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) ที่มีความเหมาะสมในการดำเนินโครงการนำร่องฯ ร่วมกัน
ด้านนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) มีพันธกิจหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนทั้งในระบบและนอกระบบ เนื่องจากความเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้การศึกษานอกระบบซึ่งเป็นการศึกษาในหลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตรการบริบาล การท่องเที่ยว การนวดและสปาภาษาต่างประเทศ และการโรงแรม ซึ่งนับวันยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในการพัฒนาประเทศ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทำความร่วมมือกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นและนิมิตหมายอันดีของการส่งเสริมให้การศึกษาเอกชนนอกระบบมีศักยภาพในการผลิต และพัฒนากำลังคนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน และการพัฒนาประเทศ โดยเป็นการมุ่งสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ให้แก่ผู้เรียนหลักสูตรอาชีพระยะสั้น ได้มีค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ในการยกระดับทักษะ สมรรถนะของตนเอง นำไปสู่โอกาสในการมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ดี มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงความต้องการอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และนโยบายของรัฐบาล
ขณะที่ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กล่าวว่า “ขณะนี้ กองทุนฯได้เตรียมความพร้อมสำหรับการให้กู้ยืมเงินในลักษณะที่ 5 ลักษณะอื่นตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงการศึกษาที่หลากหลาย ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 กองทุนฯจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ดำเนินการโครงการนำร่อง การให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาในหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) เพื่อนำไปสู่โอกาสในการมีอาชีพที่มั่นคง รวมถึงเพื่อการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ตรงตามความต้องการอย่างเหมาะสม โดยจะเริ่มจากหลักสูตรการดูแลเด็กเล็ก และดูแลผู้สูงอายุ ของโรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ กลุ่มโรงเรียนบริบาลที่มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งผู้เรียนจะมีงานทำแน่นอนหลังจากสำเร็จการศึกษา ซึ่งสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีผลการประเมินคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนนอกระบบ รายงานต่อ สช. โดยจะมีระยะเวลาการดำเนินการโครงการนำร่อง 2 ปี (ปีการศึกษา 2566-2567) ให้เงินกู้ยืมเป็นค่าเล่าเรียนไม่เกิน 50,000 บาท/หลักสูตร/คน/ครั้ง กำหนดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี และให้ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี
สำหรับคุณสมบัติของนักเรียน นักศึกษาที่จะขอกู้ยืมเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในลักษณะที่ 5 กำหนดให้มีอายุ 18 - 60 ปีบริบูรณ์ ศึกษาในหลักสูตร/สาขาวิชาตามประกาศที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด ต้องทำประโยชน์ต่อสังคมหรือสาธารณะมาแล้วไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 2 ปี ก่อนการยื่นขอกู้ยืม และต้องไม่กู้ยืมซ้ำซ้อนกับลักษณะอื่น ๆ ณ ปีการศึกษานั้น ๆ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ พัฒนาองค์ความรู้และทักษะให้กับประชาชนผู้ที่ต้องการพัฒนาหรือต่อยอดการเรียนรู้ สามารถประกอบอาชีพมีงานทำและสร้างรายได้ในระยะยาวต่อไป ผู้ที่สนใจสามารถติดตามประกาศและรายละเอียดเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ www.studentloan.or.th” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี