‘พ.ต.อ.ทวี’ยันรู้พิกัดหลบหนี‘เสี่ยแป้ง’ ชี้ถ้าบริหาร 4 ปี ยกระดับการป้องกันการทุจริตให้ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 1 ของภูมิภาคอาเซียน และฟื้นฟูหลักนิติธรรมได้ จะเป็นการวางรากฐานให้ประเทศได้เป็นอย่างดี
6 ธันวาคม 2566 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี “แป้ง นาโหนด” ส่งทนายประสาน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ยื่นหลายเงื่อนไขแลกเข้ามอบตัว ว่า ได้สั่งสนธิกำลังชุดสืบสวนติดตามตัวนายแป้ง โดยจัดคนที่มีความสามารถที่สุดของดีเอสไอ , ป.ป.ส. และราชทัณฑ์ เร่งติดตามตัว ซึ่งเน้นย้ำให้จับนายแป้ง โดยให้เขามีชีวิตอยู่ เพราะการได้ตัวจะทำให้รู้ข้อมูลต่างๆ เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายเจ้าหน้าที่ทุกคนในการตามตัวผู้ต้องหารายนี้ เพราะทำให้ประชาชนลดความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรือนจำ ก็ได้สั่งการกรมราชทัณฑ์ เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเรือนจำที่นายแป้ง ร้องเรียนก็ได้เปลี่ยนผู้บริหารเรือนจำใหม่ เข้าไปตรวจสอบ
“ส่วนเงื่อนไขต่างๆที่นายแป้ง เสนอมา เราก็ฟัง แต่อย่าไปเชื่อ ส่วนไหนที่เป็นปัญหาต้องแก้ไขก็ให้ราชทัณฑ์ไปแก้ไข โดยชุดติดตามรู้พิกัดการหลบหนีของนายแป้ง แล้ว” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ส่วนเรื่องการประสานขอเข้ามอบตัวด้วยการพ่วงเงื่อนไขนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนขอไม่พูดถึง แต่เราจะทำทุกทางและหวังว่าจะนำตัวกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ก็ได้รับหนังสือร้องเรียนของนายเชาวลิต เรียบร้อยแล้ว ทราบว่าเคยมีการยื่นร้องเรียนตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่เรื่องมาไม่ถึงกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในหัวข้อหนังสือร้องเรียนความไม่เป็นธรรมก็เกี่ยวกับเรื่องค่าอาหารแพง คดีเก่าที่เขาอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งการตั้งคณะกรรมการให้เข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่ตั้งแล้วจบ แต่ต้องประเมินข้อมูลต่อเนื่อง เพราะบางทีข้อมูลของตัวเขาก็เป็นประโยชน์ เรารับฟังแต่ไม่เชื่อทั้งหมด ต้องรอดูข้อเท็จจริงก่อน และต้องดูเรื่องขีดจำกัดต่างๆของหน่วยงาน
ทั้งนี้ นายเชาวลิตจะมอบตัวเองหรือไม่ก็เป็นสิทธิของเขา แต่หน้าที่ของเราคือต้องติดตามตัวกลับมาให้ได้
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ยังร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ด้วยความยุติธรรม โปร่งใส ไร้ทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม
พ.ต.อ.ทวี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การบริหารประเทศใน 4 ปี ถ้าเราสามารถยกระดับการป้องกันการทุจริตและประพฤติไม่ชอบให้ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 1 ของภูมิภาคอาเซียนและฟื้นฟูหลักนิติธรรมได้ ตนคิดว่าจะเป็นการวางรากฐานให้ประเทศได้เป็นอย่างดี เพราะการแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยหลักนิติธรรมเป็นการลงทุนที่น้อย แต่มั่นใจว่าจะได้ผลมากที่สุด ดังนั้น กระทรวงยุติธรรมจึงมีความมุ่งมั่นจะทำในส่วนนี้ให้ได้ประสิทธิภาพ
ส่วนกรณีที่ปัจจุบันนี้มีหลายคดีในความสนใจของประชาชน มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เพราะตามตัวชี้วัดพบว่ามีการเพิกเฉยต่อผู้กระทำผิด โดยเฉพาะถ้าผู้นั้นเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูง จึงคาดหวังว่าทุกหน่วยงานควรต้องร่วมมือกัน ต้องยึดถือตระหนักถึงหลักนิติธรรม ไม่ใช่แค่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่รวมถึงฝ่ายตุลาการ ฝ่ายองค์กรอิสระ พร้อมเน้นย้ำเรื่องความรับผิดชอบในสังคม ไม่เพิกเฉย เพื่อให้สังคมไม่ขาดความรับผิดชอบระหว่างกัน และประชาชนจะต้องได้รับความยุติธรรม ป้องกันกฎหมายอ่อนแอ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี