DSI ออกหมายเรียกพยาน 4 กก.บริษัท-2 ห้องเย็นนครปฐม เข้าชี้แจง ปมโอนเงินกว่า 250 ล.เข้าบัญชีสองพ่อลูกนายทุนหมูเถื่อน แย้มยังพบก้อนเงินอีกจำนวนมาก เผยเตรียมส่งอีก 2 สำนวนต่อ ป.ป.ช.หลังขยายผลพบ จนท.รัฐ 2 หน่วยงานเอี่ยวตู้หมูเถื่อน ขณะที่"แม็คโคร"หอบเอกสารกว่า 50 รายการเข้าแจงดีเอสไอ ปมรับซื้อหมูเถื่อนจากสองพ่อลูก
วันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน และนายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย และในฐานะโฆษก ปปง.ร่วมกันแถลงความคืบหน้าทางคดีขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน
โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าทางคดีหมูเถื่อนนั้น ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.แล้ว 1 สำนวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และเราได้แยกอีก 9 สำนวนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชน ซึ่งในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนยังได้ประสานกับทาง ปปง. อีก 1 เรื่อง โดยพบว่าในสำนวนอีก 2 สำนวน ที่อยู่ระหว่างดีเอสไอเตรียมนำส่งต่อ ป.ป.ช.นั้น มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบ 2 หน่วยงาน โดยเข้ามาเกี่ยวข้องกับตู้คอนเทเนอร์จำนวนหนึ่งจากทั้งหมด 161 ตู้ และเราได้ประสาน ปปง. มาช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินด้วย
ส่วนของการขยายผลถึงตัวการสำคัญ วานนี้ (7 ธ.ค.) เราได้ไปค้นบริษัทห้องเย็น 2 แห่ง และบ้านพัก 1 แห่ง เพราะพบความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาสองพ่อลูกนายทุนหมูเถื่อนที่ดีเอสไอจับกุมไปก่อนหน้านี้ คือ นายวิรัช และนายธนกฤต โดยเจ้าของห้องเย็นได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของสองพ่อลูกกว่า 250 ล้านบาท โดยในการค้นห้องเย็นแห่งแรก ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม พบชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำนวน 11 ตัน ประกอบด้วย 1.ชิ้นส่วนสุกร 3,000 กก. 2.เนื้อสุกรแปรรูป (ชาบูนมสด) 2,500 กก. 3.เนื้อสุกรปรุงรส 4,000 กก. และ 4.ชิ้นส่วนสุกร (เบคอน) 1,500 กก. เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ โดยปศุสัตว์อำเภอเมืองนครปฐม ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก จ.นครปฐม และแจ้งความดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนอีกห้องเย็น ตั้งอยู่ใน ต.ทัพหลวง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอเมืองนครปฐม เบื้องต้นพบชิ้นส่วนสุกรประมาณ 61 ตัน เป็นเนื้อหมูหลากหลายประเภท และหากเสร็จสิ้นจะมีการรายงานมายังดีเอสไอ ทั้งคาดว่ายังมีความผิดเบื้องต้น คือ ไม่มีใบอนุญาต และยังมีปริมาณหมูที่หายไปประมาณ 55 ตัน ปศุสัตว์กำลังเร่งตรวจสอบ นอกจากนี้ ห้องเย็นแห่งนี้ เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ในช่วงกลางปี 2565 และเนื้อหมูที่พบในห้องเย็น ล้วนเป็นการสั่งซื้อหมูจากภายในประเทศเข้ามาดำเนินการเพื่อจัดจำหน่าย บรรจุหีบห่อใหม่
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองห้องเย็น เจ้าหน้าที่ยังพบความผิดปกติ คือ การที่ทำสำเนาใบอนุญาตไว้ถึง 3 ฉบับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเหตุใดจึงมีถึง 3 ฉบับ ทั้งนี้ เราได้มีการออกหมายเรียกพยานแก่กรรมการของสองบริษัทห้องเย็น ทั้ง 4 ราย ให้เข้าชี้แจงภายในสัปดาห์หน้า อาทิ นายเศกสันต์ , น.ส.แอน เป็นต้น เพื่อสอบถามถึงสาเหตุการโอนเงินจำนวน 250 ล้านบาท
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า การขยายผลจากบริษัทเว้ลท์ซี่ฯ ของสองพ่อลูก เรายืนยันว่ายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเราตรวจพบว่ายังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มนอกเหนือจากเจ้าของห้องเย็นทั้งสองแห่งนี้ ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีสองพ่อลูกเป็นจำนวนมาก โดยขั้นตอน คือ คนกลุ่มดังกล่าว โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของเจ้าของห้องเย็นในจังหวัดนครปฐม จากนั้นเจ้าของห้องเย็นจึงโอนเข้าบัญชีสองพ่อลูกนายทุนหมูเถื่อน ต่อมาสองพ่อลูกนายทุนจึงค่อยโอนไปยังบริษัทชิปปิ้งเอกชน 2 แห่ง ซึ่งมีจำนวนเงินตั้งแต่หลักสิบล้านถึงหลักร้อยล้านบาท โดยดีเอสไอจะต้องออกหมายเรียกพยานแก่กลุ่มคนที่โอนเงินให้เจ้าของห้องเย็นในจังหวัดนครปฐมมาสอบปากคำเช่นเดียวกัน
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณีสำนวนล็อตแรกที่ส่งให้ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง ว่า จากที่ได้ส่งไปแล้ว 1 สำนวน มีผู้ต้องหาเป็นข้าราชการประจำหน่วยงานและข้าราชการฝ่ายการเมืองกว่า 20 ราย ขณะนี้สำนวนยังคงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการประสานส่งกลับมายังดีเอสไอแต่อย่างใด ส่วนนายทุนหมูเถื่อนอีก 1 ราย ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท เราได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เข้าพบในช่วงสัปดาห์หน้า โดยรายนี้เกี่ยวข้องกับการนำเข้าตู้หมูเถื่อนในช่วงเกิดเหตุปี 2564 อย่างไรก็ตาม กรณีของการขยายผลไปยังขบวนการองค์กรอาชญากรรมกลุ่มใหม่ขนาดใหญ่ที่อาจเกี่ยวข้องกับตู้หมูเถื่อนกว่า 10,000 ตู้นั้น ยังคงอยู่ระหว่างรอรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งคดี
สำหรับกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ฯ ได้ไปตรวจสอบเปิดตู้คอนเทเนอร์ตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชบบุรี นั้น พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าได้มีการตรวจพบตู้คอนเทเนอร์ จำนวน 16 ตู้ที่ตกค้าง ซึ่งเราจะนัดหมายให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ 16 ตู้ว่าเกี่ยวข้องกับ 161 ตู้ ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีตัวแทนของแม็คโคร เข้ามอบเอกสารจำนวนหนึ่ง กว่า 50 รายการ เพื่อชี้แจงถึงการรับซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากบริษัทของสองพ่อลูก ซึ่งเราได้ขอรายการเอกสารไปกว่า 148 รายการ ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องในช่วงปี ค.ศ.2019 - 2021 ส่วนเอกสารในช่วงปี ค.ศ.2022 - 2023 แม็คโครได้ส่งมาเยอะเเล้ว ดังนั้น รายการเอกสารที่เหลือแม็คโครจะทยอยเข้าส่งมอบในภายหลัง และดีเอสไอจะดำเนินการประชุมกันว่าเอกสารที่แม็คโครส่งมอบวันนี้มีความสอดคล้องกับการทำนิติกรรมกับสองพ่อลูกหรือไม่ อย่างไรก็คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบเอกสารของสองพ่อลูกและแม็คโครแล้วพบว่าเอกสารของสองพ่อลูกมีความผิดปกติ ก็จะต้องดำเนินคดีเพิ่มเติม เพราะเอกสารจริงๆ แล้วจะต้องตรงกันทั้งหมด
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีของ นายบริบูรณ์ 1 ในบริษัทชิปปิ้งเอกชน มีสถานะเป็นกรรมการ 2 บริษัท ตนทราบว่าในสัปดาห์หน้า เจ้าตัวจะเข้าให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นประเด็นข้อสงสัยทั้งหมดของคณะพนักงานสอบสวน
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับ บก.ปปป.ถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและอดีตผู้สื่อข่าว ว่ามีการเรียกรับเงินจากบริษัทสายเรือเพื่อนำไปเคลียร์ ต่อการทำลายฝังกลบตู้หมูของกลางนั้น เราจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเพิ่งได้รับทราบข้อมูลเมื่อช่วงเช้า และจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาพาดพิงมาสอบถาม และดำเนินการตามกฎหมายหากพบว่ามีพฤติการณ์เช่นนั้นจริง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี