“แม่น้องชมพู่” เปิดใจในรายการครั้งแรก ถึงวันที่สังคมได้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร หลังถูกประณาม ตราหน้าว่าฆ่าลูกตัวเอง ตำรวจเผยหลักฐานสำคัญ นำไปสู่การนำสืบในชั้นศาล ส่ง “ลุงพล” สู่โทษจำคุก
รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับพ่อแม่ของน้องชมพู่ เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่แม่มาเปิดใจในรายการ หลังเมื่อวานนี้ได้รับความเป็นธรรม ศาลพิพากษาคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ จำคุกลุงพล 20 ปี
แม่สาวิตรี แม่ของน้องชมพู่บอกว่า หลังสูญเสียน้องไป แม่ไม่เคยเอะใจสงสัยลุงพลเลย จนกระทั่งมามีเรื่องให้สะดุดใจหลายอย่าง จุดเริ่มต้นคือตอนที่ลุงพลนำร่างน้องเข้า กทม. มาผ่าชันสูตร แล้วมาออกรายการทีวี ไปกล่าวพาดพิงคนข้างบ้าน พอกลับมาที่บ้านกกกอก ครอบครัวเราก็ตำหนิลุงพลว่า ไปพูดแบบนั้นได้อย่างไร เดี๋ยวจะผิดใจกัน ซึ่งตอนที่ตำหนิไม่ได้พูดจารุนแรงเลย แต่เขาดูโกรธมาก โกรธรุนแรง ถึงกับมาเก็บข้าวของที่เอามาช่วยงานศพกลับบ้านตั้งแต่ตอนงานยังไม่เสร็จ
แล้วยังมามีเรื่องที่ลุงพลยืนให้สัมภาษณ์หน้างานศพน้อง บอกว่าดวงวิญญาณน้องยังอาฆาต ยังโกรธแค้นคนที่ทำ ทั้งที่ตอนนั้น พ่อแม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกถูกฆาตกรรม มีคนทำให้ตายจริงหรือไม่
มาสงสัยจริงๆ คือตอนที่ตำรวจสอบสวน พี่สาวของชมพู่ไม่ได้ยินเสียงน้องร้องไห้ แปลว่าตอนที่ถูกพาไปต้องเป็นคนที่คุ้นเคย เลยมานั่งไล่ดูว่า ใครบ้างที่อุ้มน้องได้ ซึ่งนอกจากครอบครัวเรา ก็มีลุงพลและป้าแต๋น ที่อุ้มน้องได้
ช่วงที่มีข่าวหนักๆ มีช่องหนึ่งเล่าข่าวว่า ช่วงเกิดเหตุลุงพลไปอยู่ที่นั่นที่นี่ บอกว่าพี่สาวน้องชมพู่ไปหาเขาที่บ้าน ตอนที่ชมพู่หายไป แล้วไปเจอลุงพลอาบน้ำอยู่อะไรต่างๆ นานา แต่ละข่าวที่ออกมาเรื่องหลักฐานที่อยู่ของลุงพล แม่ไล่เก็บไว้หมด เพราะแต่ละเรื่องที่ออกมา มันขัดแย้งกับสิ่งที่เรารู้สึกหลายเรื่อง
แม่สาวิตรีบอกว่า ผ่านมา 3 ปี เหตุการณ์วันนี้มันเปลี่ยนไปจากตอนแรกมาก วันนี้มีคนส่งกำลังใจมาให้แม่เยอะมาก ช่วงแรก พ่อกับแม่ถูกกล่าวหาเยอะมาก ว่าทำไมลูกหายไม่ไปตามหา ทั้งที่เราตามหาจนไม่รู้ว่าจะหายังไง เราตั้งใจหาเต็มที่ เพียงแต่ไม่ได้อัดคลิป ไม่ได้ไลฟ์สด เวลานักข่าวมาถาม ก็ไม่ได้ถามว่าเราไปหาที่ไหนมาบ้าง ตรงนี้หรือไม่ที่ทำให้คนเข้าใจเราผิดว่าเราไม่ตามหาลูก
แล้วที่มีคนตั้งคำถามว่า ทำไมลูกตายทั้งคนแม่ไม่ร้องไห้เลย แม่ก็อยากถามว่าทำไมเราต้องมาร้องไห้ออกสื่อตลอดเวลา เราร้องไห้ของเราเองทุกวัน แต่ละคอมเมนต์ที่เกิดขึ้นกับเรา ผ่านเวลามา เวลามีข่าวแบบนี้กับคนอื่น มันก็ยังมีคอนเมนต์ไปรุมถล่มเหมือนที่เราเคยเจอ เราก็รู้สึกว่ามันเกินไป ถ้าเราไม่ตั้งสติให้ดี เราคงจบชีวิตตัวเองไปแล้ว
ขณะที่ทนายความของพ่อแม่น้องชมพู่ ชี้ว่า พยานหลักฐาน รวมทั้งผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่นำเสนอต่อศาล ชี้ให้ศาลเชื่อว่า 1. น้องชมพู่เดินขึ้นเขาไปเองไม่ได้ และ 2. จำเลยที่1 คือ ลุงพล เป็นผู้นำขึ้นไป แต่สาเหตุที่ทำให้น้องเสียชีวิตนี้ที่ศาลมองแตกต่างจากโจทก์ ก็คือ ไม่ได้เป็นการเจตนาทำให้ตาย รวมถึงเส้นผมที่มีรอยตัดด้วยของมีคมแบบเดียวกัน ตกในรถของลุงพล และตกอยู่ที่ศพ เป็นเส้นผมแบบเดียวกัน เป็นพยานหลักฐานต่างๆ ที่นำไปสู่การพิพากษาของศาลเมื่อวานนี้
ส่วนกรณีที่มีการเห็นแย้งอยู่ท้ายคำพิพากษา เป็นข้อเห็นแย้งของผู้พิพากษาที่ไม่ได้อยู่ในองค์คณะ เป็นหนึ่งในการถ่วงดุลกันของกระบวนการยุติธรรม ไม่มีผลต่อคำตัดสิน เพียงแต่เป็นการแนะนำตามความรู้ประสบการณ์ของท่าน
ขณะที่ ป้าถอน เพื่อนสนิทของลุงพล ที่อยู่เคียงข้างลุงพลมา ยืนยันความบริสุทธิ์ให้เขามาตลอด เวลาไปวัดไหนเขาก็จะสาบานตลอด ทำให้เราเอาหัวเป็นประกันให้เขามาตลอด แต่พอเขาไปขึ้นเวทีหมอลำดัง มีคนแห่แหนมาเชียร์เขา มีเอฟซี มียูทูบเบอร์ เราบอกอะไรเขาก็ไม่ฟังเราแล้ว เตือนเราก็ได้แค่เตือน แล้วเอฟซีฝั่งเขาก็ชอบมาต่อว่าด่าทอเรา สุดท้ายเราก็เลยขอมาอยู่กับตัวเอง ไม่ขอไปยุ่งแล้ว ยิ่งมารู้คำตัดสินของศาล เรายิ่งเจ็บปวดที่เคยเชื่อเขา
ด้าน พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนคดีน้องชมพู่ เปิดเผยถึงหลักฐานสำคัญในคดี ก็คือเส้นผมของน้องที่ตกอยู่ในจุดพบศพ คือเป็นเส้นผมกระจุกหนึ่ง ประมาณ 40-50 เส้น ตรวจสอบแล้วเป็นรอยถูกตัดด้วยของมีคม วางเส้นผมบนพื้นดินแล้วใช้มีดสับ เราพยายามตามหาว่าเส้นผมนี้อยู่ที่อื่นอีกหรือไม่ จนมาพบในรถของนายไชย์พล นำไปเข้ากล้องจุลทรรศกำลังสูงจนพบว่าเป็นรอยตัดแบบเดียวกัน
นายไชย์พลมีนัดจะไปส่งพระต่างอำเภอ เข้าใจว่าอาจจะมีเจตนาที่ดี คือจะรับน้องชมพู่ไปเที่ยวด้วยกัน แต่อาจจะเกิดเหตุบางอย่าง เช่นน้องร้องงอแงหรืออะไรก็ตาม อาจจะทำให้น้องเอาน้องไปทิ้งในป่าก็เป็นไปได้ วันที่น้องชมพู่หายไป แล้วนายไชย์พลกลับมาจากส่งพระ คำแรกที่เขาถามคือ “ทำไมพ่อแม่น้องชมพู่ถึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำไมถึงต้องพาคนมาตามหาขนาดนี้”
เรื่องนี้ตำรวจมองว่ามันอาจจะมีสาเหตุมาจากน้ำผึ้งหยดเดียว อาจจะพลั้งมือ หรืออาจจะไม่สามารถจัดการให้เด็กหยุดร้อง หรือไม่สามารถจัดการอารมณ์ตัวเองได้ จากเรื่องเล็กๆ แทนที่จะพาเด็กมาคืน กลับพาไปหลบ หรือพาไปซ่อนในป่า ในเขา ที่มันห่างไกลกว่าเดิม จนทำให้น้องเสียชีวิตจากการขาดอาหาร ขาดน้ำ ส่วนเรื่องการถูกทำร้ายหรือไม่ จากบาดแผลมันไม่สามารถยืนยันการถูกทำร้ายได้
ส่วนอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรง คือเรื่องปู่มหามุนี ที่มีปัญหากับ นายพรเทพ แฟนคลับลุงพล ที่หน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวานนี้ หลังปู่มหามุนี นำพวงหรีดติดป้ายให้กำลังใจลุงพล ป้าแต๋น มาที่หน้าศาล จนเกิดการปะทะคารมเดือดกัน
เรื่องนี้ ปู่มหามุนี บอกว่า มันทำได้ มันไม่ผิดกฏหมาย และข้อความที่ติดมาก็เป็นข้อความให้กำลังใจ ถ้าเราเรียกว่าพวงหรีดมันจะดูไม่มงคล ตนเลยขอเรียกว่า “ดอกไม้จิงกะเบล” ดีกว่า
ท้ายที่สุด ในข้อสรุปของเรื่องนี้ ทางทนายความของพ่อแม่น้องชมพู่ ยืนยันว่าไม่กังวลในเรื่องการสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ การนำสืบ พยานหลักฐานต่างๆ มันครบถ้วนกระบวนความหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล
แม่น้องชมพู่บอกว่า บรรยากาศที่บ้านกกกอกตอนนี้ เริ่มหันหน้าเข้ามาหากัน ยูทูบเบอร์ต่างถิ่น อะไรต่างๆ นานา เขาพากันออกไปจากหมู่บ้านหมดแล้ว พญานาคก็ไปแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านก็เริ่มกลับมาอยู่ด้วยกันแบบปกติสุขแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี